SHARE

คัดลอกแล้ว

นายกรัฐมนตรีขอบคุณคนไทย ขอไทยรวมพลังไทย ช่วยไทยอีกครั้ง ในรายการ “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” หลักพายุปาบึกส่งผลกระทบใน 16 จังหวัด เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย

วันที่ 8 ม.ค. 2562 วานนี้ เวลา 20.45 น. ณ ห้องส่ง 5 ชั้น 1 อาคารปฏิบัติการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ถนนพระราม 9 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมรายการ “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” ร่วมกับคณะรัฐมนตรี ศิลปิน ดารา รับสายโทรศัพท์สำหรับผู้บริจาคเงิน ผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบ สาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นต้น

โอกาสนี้ นายรัฐมนตรี กล่าวสรุปสถานการณ์พายุโซนร้อนปาบึกในพื้นที่ภาคใต้ 14 จังหวัด และภาคกลางตอนล่าง 2 จังหวัด คือ จังหวัดเพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ รวมทั้งสิ้น 16 จังหวัด กระทบไปถึงภาคตะวันออก ได้แก่ ระยอง จันทบุรี ชลบุรี ตราด สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ คงมีสถานการณ์อุทกภัย และน้ําทะเลหนุนสูงในบางพื้นที่ ทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดชุมพร มีสถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อความ เป็นอยู่ของประชาชนรัฐบาล ได้สั่งการให้กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติสํารวจความเสียหาย อย่างเร่งด่วน เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยเร็ว

สำหรับภาพรวมสถานการณ์ยังคงมีผลกระทบของพายุปาบึกใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจังหวัดชุมพร โดยนครศรีธรรมราช ยังมีน้ำท่วมขัง พื้นที่ลุ่มในอำเภอชะอวด ท่าอากาศยานเปิดให้บริการตามปกติ ถนนสามารถสัญจรได้ทุกเส้นทาง มีโรงครัวพระราชทาน 2 จุดที่ อำเภอปากพนัง และ อำเภอทุ่งสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี น้ําท่วมขังใน 12 อําเภอ 57 ตําบล ในจังหวัดชุมพร ประชาชนกลับที่พักอาศัย ท่าอากาศยาน ทางรถไฟ ให้บริการตามปกติ ถนนสามารถสัญจรตามปกติ มีโรงครัว พระราชทาน ณ อำเภอเมืองชุมพร

ทั้งนี้ รัฐบาลได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นสํารวจความเสียหายใน 16 จังหวัด เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 4 ราย ในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดปัตตานี ได้รับความช่วยเหลือ เบื้องต้นตามระเบียบกฎหมายของทางราชการแล้ว โดยทราบถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงรับไว้ในพระราชานุเคราะห์

ด้านที่อยู่อาศัย มีบ้านเรือนเสียหายรวม 11,849 หลัง ทั้งเสียหายทั้งหลังและเสียหาย บางส่วน 11,743 หลัง โดยเสียหายทั้งหลัง รัฐบาลจัดสร้างให้ใหม่ โดยกําลังพลจาก ส่วนราชการ พลเรือน ทหาร ตํารวจ จิตอาสา สถาบันอาชีวศึกษา ภาคเอกชน สําหรับที่เสียหายบางส่วน รัฐบาลจะเร่งซ่อมแซมให้แล้วเสร็จ และสั่งการเร่งสํารวจ เพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมทุกพื้นที่

นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่การเกษตรและเรือประมงได้รับความเสียหาย ดังนี้ นาข้าว 20,437 ไร่ และพืชไร่ 4,556 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 91,145 ไร่ บ่อปลา 12,429 ไร่ บ่อกุ้ง/ปู/หอย 9,620 ไร่ กระชัง 3,677 ตารางเมตร โค/กระบือ 46,280 ตัว แพะ/แกะ 58,032 ตัว สัตว์ปีก 1,093,971 ตัว เรือประมง 18 ลํา ถนน 55 สาย สะพาน 5 แห่ง สถานที่ราชการ 45 แห่ง ศาสนสถาน 157 แห่ง ใน 12 จังหวัด สำหรับภูเก็ต สตูล พังงา และเพชรบุรี ยังไม่มีรายงานความเสียหาย

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า จะดําเนินการช่วยเหลือประชาชนต่อไปอย่างทั่วถึง ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะบ้านเรือนของประชาชน รัฐบาลจะเร่งซ่อมแซม ระดมทรัพยากรจากทุกหน่วยงาน รวมทั้งสั่งการให้จังหวัดในภาคตะวันออกและ ภาคกลางตอนล่างที่ติดชายฝั่งทะเล ในพื้นที่จังหวัดระยอง จันทบุรี ชลบุรี ตราด สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และสมุทรปราการ สํารวจความเสียหายเพิ่มเติม

ขณะนี้ จังหวัด อําเภอ อปท. ยังคงเร่งสํารวจความเสียหาย และระดมเจ้าหน้าที่ จิตอาสาพระราชทานร่วมทําความสะอาดสถานที่สําคัญต่างๆ ให้กลับสู่ ภาวะปกติโดยเร็ว และยังคงจัดตั้งโรงครัวพระราชทานให้กับประชาชน ในจุดที่มีความเสียหายมาก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และสร้างขวัญกําลังใจ

นายกรัฐมนตรียังขอบคุณคนไทยทุกคนที่ร่วมกันเสียสละ แสดงน้ําใจในครั้งนี้ และนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นํารายได้จากงานอุ่นไอรัก มาช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุปาบึกในครั้งนี้ อีกทั้งสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายกได้ทรงประทานเงินจํานวน 1 ล้านบาท ในการช่วยเหลือครั้งนี้ด้วย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังร่วมมอบเงินบริจาคส่วนตัว จำนวน 1 แสนบาทแก่นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอีกด้วย

สำหรับบรรยากาศการเปิดรับบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อน “ปาบึก” ในสตูดิโอ 5 ชั้น 1 อาคารปฏิบัติการ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) ภายใต้งาน “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” นั้น เริ่มขึ้นตั้งแต่ เวลา 18.00 – 22.00 น. โดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมรับสายโทรศัพท์รับบริจาคเงินด้วยตนเอง พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ภาครัฐ เอกชน ศิลปินดารา โดยมียอดรวมการรับบริจาคเป็นเงินทั้งสิ้น 132,341,341.06 บาท

รายการ “รวมน้ำใจไทย ช่วยวาตภัยใต้” จัดโดยสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เพื่อเปิดโอกาสให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ร่วมบริจาคเงินผ่านกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี บัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาทำเนียบรัฐบาล เลขที่บัญชี 067 – 0 – 06895 – 0 ทั้งนี้ ผู้บริจาคเงินสามารถนำหลักฐานในการบริจาคไปใช้แสดง การลดหย่อนภาษีได้

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า