ประเด็นคือ – กรมชลประทานยืนยันน้ำในลุ่มเจ้าพระยายังไม่วิกฤต หยุดระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อเก็บน้ำใช้ช่วงแล้ง ด้านนายกรัฐมนตรีย้ำความจำเป็นของการระบายน้ำ ยันไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554
วันที่ 18 ต.ค. 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เป็นไปไม่ได้ที่ประเทศไทยจะไม่มีปัญหาน้ำท่วม หรือ น้ำขัง ด้วยสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำ และปริมาณฝน นอกเหนือจากปัญหาผังเมือง และปัญหาขยะ
ส่วนสถานการณ์น้ำในขณะนี้ เกิดจากภาวะน้ำล้นตลิ่ง ซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องบริหารจัดการ ด้วยการระบายน้ำออก เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำรอยเหมือนปี 54 แต่อาจกระทบกับพื้นที่นอกคันกั้นน้ำบ้าง แต่รัฐบาลจะดูแลผู้ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่
ส่วนการบริหารจัดการน้ำระยะยาว นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า ยังไม่สามารถทำได้ทันที เพราะต้องวางยุทธศาสตร์ และต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก แต่ยืนยันว่า รัฐบาลมีแผนจัดการน้ำแล้ว แต่ยังติดเรื่องการเวนคืนที่ดิน และงบประมาณที่ต้องใช้
ขณะที่พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่าเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ในพื้นที่ภาคเหนือยังคงรับน้ำฝนได้ ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ภาคกลาง นับจากนี้ไทยจะเจอเพียงร่องมรสุม จึงขอให้เชื่อมั่นว่า จะไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่เหมือนปี 2554 โดยในวันพรุ่งนี้จะลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำที่เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท
ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังเผชิญ 2 ปัจจัยคือ ร่องมรสุมพาดผ่าน และเขื่อนอุบลรัตน์ที่มีน้ำเต็มความจุ ทำให้ต้องมีการระบายน้ำจากเขื่อน ซึ่งส่งผลกระทบต่อลุ่มน้ำชี ตั้งแต่ จังหวัดมหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร แต่กรมชลประทานได้ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ เพื่อเร่งระบายน้ำลงแม่น้ำโขง
ขณะที่นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ระบุถึงการระบายน้ำจากเขื่อนอุบลรัตน์ว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน ก็จะถึงจุดบรรจบของแม่น้ำมูลที่จังหวัดอุบลราชธานี จากนั้นจะต้องชะลอน้ำที่มาจากแม่น้ำมูลเพื่อให้น้ำที่มาจากแม่น้ำชีลงแม่น้ำโขงน้อยที่สุด
ส่วนลุ่มน้ำเจ้าพระยานั้น ยังปิดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิติ์ รวมถึงลดการระบายน้ำจากเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน โดยน้ำที่ผ่านไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังอยู่ในระดับที่ดูแลได้ ส่วนพื้นที่จังหวัดปทุมธานีและนนทบุรีจะมีระดับน้ำสูงขึ้น เนื่องจากมีน้ำทะเลหนุนสูงในวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ โดยนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใย พร้อมกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสื่อสารกับประชาชนให้ชัดเจนเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง