
กลุ่มผู้ประท้วงรัฐบาลนิการากัว /AFP
เหตุการณ์ชุมนุมสนับสนุน-ต่อต้านรัฐบาลนิการากัวเลวร้ายหนัก มีผู้เสียชีวิตแล้ว 98 ราย บาดเจ็บกว่า 900 คน ขณะที่ประธานาธิบดียืนยันไม่ลาออกจากตำแหน่ง
วันนี้ (1 มิ.ย. 61) สื่อต่างประเทศรายงานว่า เหตุการณ์ชุมนุมประท้วงขับไล่และสนับสนุนรัฐบาลของประธานาธิบดีดาเนียล ออร์เตกา ที่กรุงมานากัว และอีกหลายเมืองในประเทศนิการากัว ซึ่งยืดเยื้อมาตั้งแต่เดือนเมษายนเลวร้ายมากขึ้น เมื่อมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 98 ราย และได้รับบาดเจ็บกว่า 900 คน
ศูนย์สิทธิมนุษยชนนิการากัวระบุว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 ราย และบาดเจ็บอีก 79 คน หลังจากเกิดการปะทะกันระหว่างผู้สนับสนุนกับผู้ต่อต้านรัฐบาลในหลายเมือง

ภาพจาก nan.ng
เหตุการณ์ประท้วงที่รุนแรงในนิการากัวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลพยายามผลักดันการปฏิรูปกฎหมายจ่ายเงินบำนาญ โดยเพิ่มรายจ่ายอุดหนุนของนายจ้างและลูกจ้าง อีกทั้งยังลดสิทธิประโยชน์ผู้รับบำนาญลง เนื่องจากรัฐบาลของประธานาธิบดีออร์เตกาหวังลดการขาดดุลมูลค่า 76 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 2.4 พันล้านบาท ของหน่วยงานที่ดูแลบริหารจัดการเงินบำนาญของรัฐลง
แม้ว่าในเวลาต่อมารัฐบาลนิการากัวจะยอมเลิกแนวทางการปฏิรูปดังกล่าวไป หลังจากเผชิญแรงกดดันจากผู้ชุมนุมประท้วงจำนวนมาก แต่เหตุการณ์การประท้วงกับรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน โดยที่ผ่านมาผู้ชุมนุมฝ่ายต่อต้านเรียกร้องให้นายออร์เตกาลาออกจากตำแหน่งผู้นำประเทศ รวมถึงคนใกล้ชิดอย่างภรรยาของเขา ซึ่งดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีด้วย
ขณะที่ประธานาธิบดีออร์เตกา วัย 73 ปี ที่ครองอำนาจมานานถึง 11 ปี ยืนยันไม่ยอมลาออกจากตำแหน่ง

ภาพจาก abayarderojo.org
ทั้งนี้ไม่มีรายงานที่ชัดเจนว่ากลุ่มใดเป็นผู้ยิงกระสุนเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วง ขณะที่สื่อต่างชาติหลายสำนักเห็นพ้องว่าเป็นฝีมือของม็อบจัดตั้ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายดาเนียล ออร์เตกา ผู้นำนิการากัว