SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ – ตำรวจไทย ร่วมมือกองบัญชาการตำรวจมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายอาซัง รวบคนไทย 6 ราย ไต้หวัน 1 ราย

วันที่ 27 มี.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. หัวหน้าชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมมือกับกองบังคับการสืบสวนเมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน ร่วมกันนำกำลังเข้าตรวจค้นห้องเลขที่ 1703-1704 ชั้น 17 คอนโดหลงฉวนฮวาถิง เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน หลังจากสืบทราบมาว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งของศูนย์สั่งการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เครือข่ายอาซัง หัวหน้าคอลเซ็นเตอร์

จากการเข้าตรวจค้นภายในบ้านดังกล่าว พบของกลาง คือ อุปกรณ์โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ที่ยังอยู่ระหว่างการสื่อสารเพื่อรอโอนเงิน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเหยื่อและบทพูดแสดงตัว ร.ต.ท.จำรัส ทองอ่อน และ ร.ต.ท.สมภพ กองสมบัตร เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการภาค 4 รายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง รวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อในแต่ละสายงาน โดยมีคนไทยทำหน้าที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 6 คน และชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นหัวหน้าผู้ควบคุมอีก 1 คน รวมทั้งหมด 7 คน ที่กำลังแบ่งหน้าที่กันทำงานอยู่ภายในห้องดังกล่าว

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. หัวหน้าชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กล่าวว่า เครือข่ายคอลเซ็นเตอร์รายนี้ ย้ายถิ่นฐานมาจากประเทศอื่น หลังจากชุดปฏิบัติศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศก.ฉปทน.ตร.) ได้บุกเข้าจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านของไทย จึงทำให้ อาซัง หัวหน้าคอลเซ็นเตอร์ย้ายมาเปิดที่ เมืองจางโจว มณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีนแทน โดยทำมาประมาณ 1 เดือน มีเงินหมุนเวียนกว่า 1 ล้านบาท โดยประมาณ

ต่อมา เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ผ่านมา แก๊งดังกล่าว ได้ใช้โทรศัพท์เข้ามาหลอกหญิงชาวไทย ได้เงินไปกว่า 150,000 บาท ในพื้นที่ สน.ราษฎร์บูรณะ ซึ่งการทำงานของแก๊งนี้มีลักษณะเหมือนกับกลุ่มแก๊งอื่น โดยมีพนักงานคอลเซ็นเตอร์สายที่ 1 โทรศัพท์หาเหยื่อ อ้างว่ามีพัสดุส่งทางไปรษณีย์ ภายในพัสดุนี้มียาเสพติดและมีชื่อเหยื่อที่เกี่ยวข้อง และจะพยายามพูดจนเหยื่อหลงเชื่อ จากนั้นพนักงานคอลเซ็นเตอร์สายที่ 2 ก็จะอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจตามบทสนทนาของตน ออกอุบายให้โอนเงินมายังบัญชีธนาคารที่เตรียมไว้ และจะมีชุดกดเงินนำบัตรเอทีเอ็มของธนาคารที่เหยื่อโอนเข้ามา ไปกดเงินตามตู้เอทีเอ็ม แล้วฝากเงินในบัญชีธนาคารของหัวหน้าแก๊ง เพื่อแบ่งเงินตามเปอร์เซ็นต์ที่ได้ตกลงกันไว้

โดยจุดที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แห่งนี้ ถือเป็นทำเลที่มีความพร้อมทั้งเรื่องของระบบอินเตอร์เน็ต ที่เป็นระบบใยแก้วนำแสง ทั้งยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรมที่มีชาวไต้หวันมาลงทุนทำธุรกิจในพื้นที่จำนวนมาก จึงไม่เป็นเป้าสังเกต อีกทั้งยังเป็นจุดที่มีพื้นที่เชื่อมต่อแหล่งคอลเซ็นเตอร์ในไต้หวัน ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และกัมพูชา จึงง่ายต่อการเชื่อมต่อข้อมูลหากัน

การทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 หลังตำรวจท่องเที่ยวจับมือกับตำรวจมาเลเซียและกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในนามเฉิน หยวนไข่ อาซื่อ อาหวัง และนายฉีเกอ มาได้ก่อนหน้านี้ เพียง 2 เดือน โดยการบุกจับครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ พร้อมคณะทำงานปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้เข้าหารือกับรองผู้บัญชาการสืบสวนมณฑลฝูเจี้ยน เพื่อประสานข้อมูลที่ตำรวจไทยได้แกะรอยข้อมูลของแก๊งดังกล่าวนี้มาโดยตลอด จึงได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการตำรวจมณฑลฝูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นอย่างดี จนทำให้สามารถขยายผลจนจับกุมผู้ต้องหาได้ยกแก๊ง และขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้อง และขอให้ส่งตัวผู้ต้องหาที่เป็นคนไทยทั้งหมดกลับประเทศไทยเพื่อดำเนินคดี

ทั้งนี้ จากผลการปฏิบัติที่ผ่านมา ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งสิ้น 427 ราย จับกุมไปแล้ว 244 ราย คงเหลือเป้าหมายอีกเพียง 89 หมายจับ และรอส่งตัวกลับประเทศอีก 67 ราย

ขอบคุณภาพจาก : touristpolice

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า