บุกจับ ! หนุ่มอ้างเป็น ร.ต.ต. หลอกสาวแต่งงาน ก่อนไหวตัวหนีทัน

ประเด็นคือ – ตร.บุกจับหนุ่มอ้างเป็น ร.ต.ต. หลอกสาวเชียงคานแต่งงาน ว่าที่เจ้าบ่าวไหวตัวทันหลบหนีพร้อมเจ้าสาว จึงทำให้งานแต่งยุติ พ่อแม่เจ้าสาววอนให้ทั้งคู่กลับมา

วันที่ 18 ก.พ. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเพจ ระวังให้ดี พวกจอมปลอม ต่อต้านทหารปลอม ตำรวจปลอม ได้มีการแชร์ภาพชายหนุ่มอ้างเป็นตำรวจยศ ร.ต.ต เพื่อหลอกสาวแต่งงาน เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ จึงได้วางแผนเตรียมจับกุมตำรวจปลอมคางานแต่งที่บ้านเจ้าสาว โดยจะมีพิธีมงคลสมรสขึ้นในวันที่ 18 ก.พ. เวลา 09.09 น.

ร.ต.ท.ปานเทพ พจน์ธีระมนตรี รอง สว.กก.ปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง จึงได้เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 38 หมู่ 4 บ.ใหม่ตาแสง ต.นาซ่าว อ.เชียงคาน จ.เลย สถานที่จัดพิธีมงคลสมรสบ้านเจ้าสาว พบว่าเป็นบ้านครึ่งตึกครึ่งไม้หลังเดียวหลังใหญ่ ภายในบ้าน และนอกบ้านไม่มีการจัดงานแต่งแต่อย่างใด พบมีญาติ และเพื่อนบ้านที่มาร่วมงานต่างแปลกใจที่ไม่มีการจัดงานขึ้น และยืนคุยกันสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

จากการสอบถาม นายคำสิงห์ แก่นภูเขียว อายุ 62 ปี พ่อของเจ้าสาว เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมภรรยา และญาติพี่น้องได้เตรียมการจัดงานมงคลสมรสลูกสาวที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ก.พ. แต่ต้องล้มเลิกงานแต่งไป เพราะเมื่อวานได้รับโทรศัพท์จากกองปราบปรามว่า ว่าที่ลูกเขยอาจจะไม่ใช่ตำรวจที่แท้จริง

ตนเองเมื่อรับฟังหลังวางสายโทรศัพท์ ได้สอบถามว่าที่ลูกเขย ซึ่งได้รับคำตอบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยศ ร.ต.ต. สายข่าวของ สภ.สมุทรปราการ จริง จึงได้ขอดูหลักฐานแต่ว่าที่ลูกเขยบอกว่าไม่ได้เอาเอกสารมาด้วย อยู่ที่ จ.สมุทรปราการ วันหน้าจะมาแสดงให้ดูเพื่อความบริสุทธิ์ใจ จนกระทั่งได้รับโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่บอกว่า ว่าที่ลูกเขยไม่ได้เป็นตำรวจตามที่กล่าวอ้าง น่าจะเป็นการหลอกลวงมากกว่า จึงได้สอบถามลูกสาว และมีการโพสต์ในโลกโซเซียลอย่างกว้างขว้าง จนลูกสาวมาบอกว่าของดการจัดงานแต่งนี้ออกไปก่อน

จากนั้นทั้ง 2 คน ได้ขึ้นรถทัวร์ที่ อ.เชียงคาน บอกว่าจะไปกรุงเทพฯ ทำให้ตนเองและครอบครัวทำอะไรไม่ถูก เพราะได้เชิญผู้หลักผู้ใหญ่ไปหมดแล้ว และก่อนวันแต่งงานก็ได้มีญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านมาร่วมแสดงความยินดีนับ 100 คน แต่ทุกคนต่างตกใจที่ไม่มีการจัดงานแต่งงาน และช่วงเช้าวันงานแต่งก็ยังมีคนที่ยังไม่รู้เรื่องขับรถมาร่วมงานอีกจำนวนมาก ตนเองได้อธิบายจนเข้าใจจึงแยกย้ายกันกลับ

นายคำสิงห์ แก่นภูเขียว กล่าวอีกว่า ตนเองไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะได้เตรียมงานแต่งงานเสียค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งโต๊ะจีน เครื่องเสียงไปจำนวนมาก แต่ก็ได้แจ้งให้ยกเลิกการจัดงานทั้งหมด ตนรู้สึกอับอายมาก โดยเฉพาะภรรยาถึงกับร้องไห้ ไม่คิดว่า ว่าที่ลูกเขยจะมาโกหกกันอย่างนี้ ตอนนี้ได้คุยกับลูกสาวแล้ว ให้มีอะไรมาคุยกัน ถึงจะไม่ใช่ตำรวจ แต่ถ้ารักกันจริงตนก็ไม่ห้าม ไม่ได้หวังว่าลูกเขยต้องเป็นข้าราชการตำรวจ ถึงเป็นชาวบ้านธรรมดาก็รับได้ จึงอยากขอร้องว่าที่ลูกเขย และลูกสาว ให้กลับมาคุยกันหาทางออก ไม่ต้องหนี ทุกอย่างคุยกันได้

ส่วนทางด้าน ร.ต.ท.ปานเทพ พจน์ธีระมนตรี รอง สว.กก.ปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า หลังได้รับการร้องเรียนได้เดินทางมาถึง อ.เชียงคาน มาตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าใช่ตำรวจหรือไม่ โดยการแต่งกายเครื่องแบบตำรวจโดยไม่ได้รับอนุญาต จะมีโทษตาม มาตรา 146 จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และการแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์ที่จะสวมเครื่องแบบ หรือประดับเครื่องหมายของพนักงาน เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ์ จะมีโทษตาม มาตรา 146 หากเพื่อกระทำผิดความอาญา เช่น ฉ้อโกงผู้หญิง จะต้องรับโทษหนักขึ้น