บุกตรวจอู่ประกอบรถบัส หลังบัส นทท.เกาหลีพลิกคว่ำ เจ็บ 12 คน

ประเด็นคือ – ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ บุกค้นอู่ประกอบรถบัส หลังพบบัสพลิกคว่ำทำ นทท.เกาหลีเจ็บ 12 สวมทะเบียนปลอม-คนขับเสพยา

วันที่ 16 ธ.ค.60 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและชุดปรามปรามการโจรกรรมรถ ตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมทหารจาก ชุดร้อย รส.ที่ 2 (ป.พัน7) นำกำลังเข้าเข้าตรวจค้นที่อู่ซ่อมและประกอบรถไม่มีชื่อแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านกอกหม่น หมู่ 5 ต.สันปูเลย อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ เพื่อขยายผลตรวจสอบรถบัสในอู่ดังกล่าว ว่าจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา เกิดอุบัติเหตุรถบัสนำเที่ยวของทัวร์เกาหลีประสบอุบัติเหตุ พลิกคว่ำบริเวณถนนเลียบคันคลองชลประทาน หน้าม่อนภาวนา บ้านห้วยอ่าง หมู่6 ต.แม่โป่ง อ.อดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่ มีผู้บาดเจ็บเป็นนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ทั้งหมด 12 คน และคนไทย 2 คน หลังเกิดเหตุตำรวจ สภ.แม่โป่ง อ.ดอยสะเก็ด ตรวจสอบรถบัสหกล้อ สีม่วง-ขาว หมายเลขทะเบียน 32-3363 กรุงเทพมหานคร คันที่เกิดอุบัติเหตุของศักดิ์รินทร์ทราเวล พบว่าทะเบียนไม่ตรงกับตัวรถ เมื่อนำคนขับไปตรวจปัสสาวะก็พบมีสารเสพติด

ทั้งนี้ จากการเข้าตรวจสอบในอู่ดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบรสบัสจอดอยู่หลายคัน รวมทั้งโครงรถที่อยู่ระหว่างประกอบอีก 1 คัน และ รถบัสของศักดิ์รินทร์ทราเวล จอดอยู่ 1 คัน เจ้าหน้าที่จึงแจ้งให้เจ้าของอู่นำหลักฐานมาแสดง พร้อมประสานให้นายศักรินทร์ ทาศักดิ์ อายุ 36 ปี ชาว อ.เมือง จ.ลำพูน เจ้าของทัวร์ศักดิ์รินทร์ทราเวล ซึ่งเป็นเจ้าของรถบัสคันที่ประสบอุบัติเหตุ นำเอกสารของรถบัสที่จอดอยู่ในอู่มาแสดงด้วย

จากการสอบสวนนายศักดิ์รินทร์ ยอมรับว่า นำป้ายทะเบียนของรถคันอื่นมาใส่ทะเบียนรถบัสคันที่ประสบเหตุ เพราะยังอยู่ในขั้นตอนของการขออนุญาตจากสำนักงานขนส่ง ส่วนคนขับที่เสพยานั้นไม่ทราบมาก่อน

พ.ต.ต.พงษ์ศิลป์ ธนภาษี สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจภูธรจังหวัดน่าน ช่วยราชการชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า รถบัสของนายศักรินทร์ ที่ประสบอุบัติเหตุเมื่อวันก่อน เป็นรถที่ทางสำนักงานขนส่งยังไม่อนุญาตให้นำมาวิ่งรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งรถดังกล่าวยังมีการสวมทะเบียนรถคันอื่น และ เป็นรถจดประกอบที่ยังไม่ได้การรับรองจากขนส่ง รถคันนี้จึงมีสภาพไม่สมบูรณ์

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เตรียมแจ้งข้อหากับนายศักรินทร์ ในข้อหานำรถที่ไม่ได้จดทะเบียนมาใช้ในการขับขี่ นำทะเบียนรถขนส่งคันอื่นมาสวม และยินยอมให้พนักงานประจำรถเสพสารเสพติดในร่างกาย เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

ด้านนายชาญชัย กีฬาแปง ขนส่งจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้สั่งยึดใบอนุญาตขับขี่และปรับคนขับรถบัสคันที่ประสบเหตุแล้ว  ส่วนมาตรการในระยะยาวนับจากนี้จะกำชับผู้ประกอบการรถบัสโดยสาร โดยเฉพาะรถบัสท่องเที่ยวให้เข้มงวดกวดขันกับคนขับรถ โดยเฉพาะเรื่องสารเสพติด รวมทั้งห้ามไม่ให้มีการนำรถที่ไม่ได้รับอนุญาตมาใช้ และให้ตรวจสอบประวัติผู้ขับด้วย เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก