SHARE

คัดลอกแล้ว

ครม.มีมติอนุมัติให้ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ร่วมกับบริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ชนะการประมูลแหล่งปิโตรเลียม แปลงเอราวัณและแปลงบงกช

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย จ.หนองคาย การประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 50/2561 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติอนุมัติให้ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ร่วมกับบริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G1/61 (แปลงเอราวัณ) และบริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้ที่ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตแปลงสำรวจในทะเลอ่าวไทยหมายเลข G2/61 (แปลงบงกช)

สำหรับมติการประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 50/2561

  1. อนุมัติให้ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ร่วมกับ บริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย)จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิต ในแปลงสำรวจหมายเลข G1/61 (แปลงเอราวัณ), บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิเป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตในแปลงสำรวจหมายเลข G2/61 (แปลงบงกช)
  2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีอำนาจลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับผู้ได้รับสิทธิ เป็นผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตต่อไป เมื่อสัญญาได้ผ่านการตรวจพิจารณาจากสำนักงานอัยการสูงสุดแล้ว
  3. เห็นชอบตามที่กระทรวงพลังงานเสนอว่า การให้สิทธิในครั้งนี้ได้บรรลุวัตถุประสงค์ตามข้อกำหนดในเอกสารเชิญชวนให้ยื่นขอ (IFP) ที่ต้องการให้หน่วยงานของรัฐเข้าร่วมลงทุนเพื่อตอบสนองความมั่นคงด้านพลังงานแล้ว

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะดำเนินการตามขั้นตอนต่าง ๆ โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตกับผู้ชนะการประมูลภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2562

สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณา ในข้อเสนอหลักประกอบด้วย

1.ราคาก๊าซธรรมชาติตลอดอายุสัญญาตามสูตรราคาที่กำหนดในเอกสารเชิญชวน

2.ส่วนแบ่งกำไรของผู้รับสัญญา

3.โบนัสและผลประโยชน์พิเศษ

4.สัดส่วนการจ้างพนักงานไทย

เมื่อถึงกำหนดยื่นเอกสารข้อเสนอ วันที่ 25 ก.ย.2561 ได้มีผู้ยื่นคำขอจำนวน 2 คำขอสำหรับแปลง G1/61 (แปลงเอราวัณ) ประกอบด้วย

  • คำขอที่ 1 เป็นของ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (สัดส่วนร้อยละ 60 และเป็นผู้ดำเนินงาน) และบริษัท เอ็มพี จี2 (ประเทศไทย) จำกัด (ร้อยละ 40)
  • คำขอที่ 2 เป็นของ บริษัท Chevron Thailand Holdings Ltd. (สัดส่วนร้อยละ 74 และเป็นผู้ดำเนินงาน) และบริษัท มิตซุย ออยล์ เอ็กซโปลเรชั่น คัมปะนี ลิมิเต็ด (ร้อยละ 26)

คำขอจำนวน 2 คำขอสำหรับแปลง G2/61 (แปลงบงกช) ประกอบด้วย

  • คำขอที่ 1 เป็นของ บริษัท ปตท.สผ. เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (ร้อยละ 100)
  • คำขอที่ 2 เป็นของ บริษัท Chevron Thailand Holdings Ltd. (ร้อยละ 74 และเป็นผู้ดำเนินงาน) และบริษัท มิตซุย ออยล์ เอ็กซโปลเรชั่น คัมปะนี ลิมิเต็ด (ร้อยละ 26)

กระทรวงพลังงานโดยคำแนะนำของคณะกรรมการปิโตรเลียมได้พิจารณาแล้วว่า ผู้ยื่นคำขอทั้งหมดผ่านคุณสมบัติตามมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ทั้งนี้ ข้อเสนอด้านหลักการและเงื่อนไขการให้หน่วยงานของรัฐเป็นผู้ร่วมลงทุนเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด และข้อเสนอด้านเทคนิค มีความสอดคล้องกับข้อกำหนดปริมาณการผลิตก๊าซขั้นต่ำ มีความเป็นไปได้ทางเศรษฐศาสตร์ และสมมติฐานที่ใช้สมเหตุสมผลและปฏิบัติได้จริง และผู้ชนะได้ยื่นข้อเสนอในแปลง G1/61 (แปลงเอราวัณ) และ G2/61 (แปลงบงกช) ดังนี้

ทั้งนี้ จากข้อเสนอค่าคงที่ราคาก๊าซธรรมชาติ ที่ 116 บาท/ล้านบีทียู สำหรับทั้ง 2 แปลง เมื่อเทียบกับราคาปัจจุบัน ที่ 165 บาท/ล้านบีทียู สำหรับแปลงเอราวัณ และ 214.26 บาท/ล้านบีทียู สำหรับแปลงบงกช แล้วเทียบเท่าส่วนลดค่าใช้จ่ายราคาก๊าซธรรมชาติให้กับประเทศ เท่ากับ 550,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 10 ปี ตามเงื่อนไขการผลิตขั้นต่ำ หรือปีละ 55,000 ล้านบาท และหากนำส่วนลดราคาก๊าซธรรมชาติที่ได้จากทั้ง 2 แปลง มาใช้ลดค่าใช้จ่ายผลิตไฟฟ้าทั้งหมด จะสามารถช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 29 สตางค์ต่อหน่วยไปอย่างน้อยเป็นระยะเวลา 10 ปี

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันใช้เพียงร้อยละ 58 ของก๊าซธรรมชาติทั้งหมด เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า จึงประมาณการได้ว่า หากเฉลี่ยส่วนลดให้ผู้ใช้ก๊าซทุกรายตามสัดส่วนการใช้จะประหยัดไฟฟ้าได้ 17 สตางค์ต่อหน่วย

ในด้านข้อเสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ ผู้ชนะการประมูลยังได้เสนอผลประโยชน์ตอบแทนรัฐมากกว่าร้อยละ 50 โดยข้อเสนอดังกล่าวมากกว่าเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารเชิญชวน ซึ่งจะสามารถสร้างรายได้ให้กับรัฐเพิ่มขึ้นอีก 100,000 ล้านบาท รวมถึงยังสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติจากทั้ง 2 แปลง ได้ต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ซึ่งจะสามารถสร้างเสถียรภาพด้านพลังงานให้กับประเทศ เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศได้อย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ การพัฒนาทั้ง 2 แปลงนี้ ในช่วงระยะเวลา 10 ปีแรกของสัญญาแบ่งปันผลผลิต คาดว่า สามารถสร้างผลประโยชน์ให้รัฐในรูปค่าภาคหลวง ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม และส่วนแบ่งปิโตรเลียมส่วนที่เป็นกำไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตลอดจนก่อให้เกิดการจ้างงานพนักงานคนไทย ในสัดส่วนร้อยละ 98 และยังช่วยลดการนำเข้าก๊าซแอลพีจีได้ประมาณ 22 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.6 แสนล้านบาท รวมทั้งยังก่อให้เกิดการลงทุนหมุนเวียนในประเทศอีกประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของการให้หน่วยงานรัฐเข้าร่วมลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 25 นั้น เนื่องจากบริษัทที่ชนะการประมูลของทั้ง 2 แปลง คือบริษัทในเครือของ บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ซึ่งถือเป็นหน่วยงานของรัฐ ดังนั้น ในส่วนของข้อเสนอดังกล่าวบริษัทที่ชนะการประมูลจึงเข้าเงื่อนไขด้านการเข้าร่วมของหน่วยงานรัฐ โดยแปลง G1/61 (แปลงเอราวัณ) ในสัดส่วนร้อยละ 60 และ แปลง G2/61 (แปลงบงกช) ในสัดส่วนร้อยละ 100 ซึ่งจะทำให้การบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยทั้ง 2 แปลง อยู่ภายใต้การดำเนินงานของหน่วยงานรัฐ เพื่อเกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างสูงสุด

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า