ประชาธิปัตย์ชูมีแนวทางดีกว่ารวมศูนย์หรือประชานิยม

ประชาธิปัตย์ไม่แคร์โดนดูด 17 อดีต ส.ส. เหน็บคนเอาไปอาจจะได้แค่อดีต เพราะจะสอบตก ประกาศประชาชนไม่ได้มีทางเลือกแค่แนวทางแบบ พลังประชารัฐ หรือเพื่อไทย ยืนยันไม่มีจับมือกับใครก่อนเลือกตั้ง

วันที่ 27 พ.ย. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการสิ้นสุดการย้ายพรรคเมื่อวานนี้ (26 พ.ย.) หากการเลือกตั้งมีขึ้น 24 ก.พ.62 โดยมีอดีต ส.ส.ย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นว่า เป็นเรื่องปกติในการเลือกตั้ง ไม่มีปัญหาใดๆ พรรคจะมีคนคุณภาพมาทดแทน เมื่อการโยกย้ายสิ้นสุดลงประชาชนจะได้เห็นภาพชัดเจน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า ประชาชนจะกลั่นกรองนักการเมืองผ่านกระบวนการเลือกตั้ง การมีอดีต ส.ส.มากหลังเลือกตั้งแล้วอาจอาจจะยังเป็นอดีต ส.ส. (เพราะไม่ได้รับเลือก) ถ้าคิดว่านับตามจำนวนอดีต ส.ส.แล้วจะเป็นอย่างนั้น แต่การเมืองไม่เป็นอย่างนั้น การเลือกตั้งทุกครั้งมีคนใหม่เข้ามาร้อยละ 20-30 เพราะฉะนั้นความเปลี่ยนแปลงเกิดได้ตลอด

สำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2562 พรรคประชาธิปัตย์ต้องการให้เป็นการเลือกตั้งที่ประเทศกับประชาชนได้ประโยชน์ จึงต้องหนีจากการนับหัวอดีต ส.ส. เพราะต้องให้ประชาชนจะเลือกว่าต้องการให้ประเทศไทยเดินไปทิศทางไหน ถ้าอยากให้การบริหารบ้านเมืองและเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ก็มีพรรคการเมืองที่บอกว่าเชื่อมั่นในแนวทางนี้ หรือถ้าอยากให้บ้านเมืองเป็นเหมือนก่อนการปฏิวัติ ก็มีพรรคที่ยังยืนยันว่าจะทำแบบเดิม ๆ  ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ชัดเจนว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะเป็นทางหลักและเป็นทางออกของประเทศ โดยยึดหลักคิดเสรีนิยมประชาธิปไตย และเอาปัญหาประชาชนเป็นตัวตั้ง เช่น การแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ไม่ได้มุ่งตัวเลขภาพรวม แต่เจาะจงการแก้ปัญหาให้คนทุกกลุ่มและลดความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง

“บางคนบอกให้เลือกระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ผมก็ไม่แน่ใจว่าฝ่ายที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตยนั้นเป็นด้วยจิตวิญญาณจริงหรือไม่ และมีส่วนทำให้สูญเสียประชาธิปไตยมาก่อนหน้านี้หรือไม่ บางคนบอกว่าเลือกระหว่างคนดีกับคนไม่ดี ก็อยากให้ดูว่าคนดีนั้นดีจริงหรือเปล่า เพราะฝ่ายที่อ้างตัวเองเป็นคนดีก็ทำตัวเหมือนกับคนที่เขาบอกว่าไม่ดี หรือบางทีเอาคนที่เขาเคยบอกว่าไม่ดี แล้วตอนนี้มาบอกว่าคนนั้นเป็นคนดีแล้ว ดังนั้น เราต้องเอาการเมืองพ้นจากสิ่งเหล่านี้แล้วมาถกเถียงกันว่าต้องการให้บ้านเมืองไปในทิศทางไหน จะเดินแบบรวมศูนย์อำนาจหรือประชานิยม หรือจะเดินแบบไหนก็ว่ากันมา”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวด้วยว่า ไม่สนใจกลยุทธ์ทางการเมืองแตกแบงก์หรือรวมแบงก์ พรรคประชาธิปัตย์จะเสนอแนวทางตรงไปตรงมา ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยม ข้อกฎหมายหรือการต่อรองผลประโยชน์ ส่วนการที่พรรคพลังประชารัฐจะใช้โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรือ อีอีซี มาหาเสียง ถือเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ แต่พรรคจะเสนอการพัฒนาพื้นที่โดยคำนึงถึงชุมชนและคุณภาพชีวิต มากกว่าโฆษณาตัวเลขการลงทุนที่ไม่ชัดเจนว่าประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร

สำหรับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศพร้อมลงบัญชีรายชื่อผู้เป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง รอเพียงคนมาทาบทามนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่แปลกใจ แต่การที่พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีทั้งหลายยึดถือเพียงแค่ว่าตามกฎหมาย โดยไม่ดูเจตนารมณ์นั้น แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความพยายามที่จะยกระดับการเมืองให้ดีขึ้น และขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่คิดที่จะจับมือกับพลังประชารัฐ เพราะเสนอตัวเป็นทางออก เป็นทางหลักของประเทศ และจะแข่งขันบนแนวคิดนี้ โดยเคารพการตัดสินใจของประชาชน