“ปริญญา” ชี้ First-time voters จะไม่เลือกทั้งฝั่ง คสช.และทักษิณ

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล เสนอแนวคิดระบบเลือกตั้งใหม่ทำให้พรรคใหญ่คะแนนลดลง แนะจับตา “ภูมิใจไทย” เป็นตัวแปรสำคัญของทั้ง 3 ก๊กที่จะจัดตั้งรัฐบาล ส่วนคนรุ่นใหม่ที่ใช้สิทธิ์ครั้งแรกมีแนวโน้มไม่เลือกทั้งพรรคฝั่ง คสช.และพรรคฝั่งทักษิณ ชินวัตร

วันที่ 6 มี.ค. คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดงานเสวนาวิชาการ “การเลือกตั้งแบบ 3 อิน 1 กับผลการเมืองของการใช้สิทธิ์ของประชาชน” โดยมีการคาดการณ์ การเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัยของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มีโอกาสขึ้นอยู่กับคะแนนเสียงพรรคพลังประชารัฐ

ผศ.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ และ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารและความยั่งยืน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งสมมติฐานการเลือกตั้ง ปี 2562 ว่าระบบการเลือกตั้งแบบทรีอินวัน คือ 1 คะแนน เลือกทั้ง ผู้สมัคร ส.ส.แบ่งเขต , เลือกพรรคการเมือง และเลือกนายกรัฐมนตรี ระบบนี้เรียกว่า “จัดสรรปันส่วนผสม” ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ ต้องแตกพรรคให้มีขนาดเล็กลง เพราะพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กจะมาดึงคะแนนไป ซึ่งในทางวิชาการยังคงตั้งคำถามว่า คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมีเจตนาอะไรถึงตั้งกฎเกณฑ์นี้

การคาดการณ์ผลทางการเมืองหลังจากนี้ ผศ.ปริญญา ระบุว่า จะไม่มีพรรคใดได้ ส.ส. ถึงครึ่ง เพราะคะแนนแบ่งเขตกำหนดเพดานจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรค การเลือกตั้งทุกพรรคจะได้คะแนนเดียวจากประชาชน พรรคทุกพรรคส่งผู้สมัครเพราะต้องการคะแนนมาคิดที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะเกิดปัญหา มีจำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อไม่พอจัดสรรให้ตามจำนวน ส.ส.แต่ละพรรคพึงมีได้ โดยอัตราส่วนแต่ละพรรคจะได้รับการจัดสรร ส.ส.ไม่เกินพรรคละ 150 คน ทำให้เกิดการเมือง 3 ก๊กในการจัดตั้งรัฐบาล คือ เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ

ก๊กที่ 3 คือพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการคะแนนอีก 126 เสียง รวมกับ ส.ว.250 คน ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้คะแนนจัดตั้งรัฐบาลให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์ โอชาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย หรือ โอกาสที่พรรคพลังประชารัฐจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์มีโอกาสเป็นไปได้ ซึ่งในจุดนี้ อาจจะได้เห็นงูเห่า คือการสนับสนุนนายกรัฐมนตรีจ่างจากพรรคของตนเอง โดยกฎหมายกำหนดว่า ส.ส.ที่ถูกขับออกสามารถไปอยู่พรรคใหม่ได้ ภายใน 30 วัน หรือหากพรรคพลังประชารัฐคะแนนไม่ถึงอันดับ 1 อาจเปลี่ยนมาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ หากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยอมถอย และมีเสียง ส.ว.มาสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์

ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยจะเป็นตัวแปรสำคัญ เพราะเป็นตัวเลือกสำคัญ อาจจะมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นตัวกลางเกิดการรวมตัว ส.ส. ได้ 376 เสียงได้ ส่วนโอกาสที่จะได้นายกรัฐมนตรีคนนอก คาดการณ์ว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพราะการเลือกนายกรัฐมนตรีจะจบในการโหวตรอบแรก และถ้าไม่จบ กฎหมายกำหนดให้อำนาจ คสช. พร้อมมาตรา 44 จะอยู่ตาอไปเรื่อยๆ

สำหรับการคาดการณ์ พฤติกรรมการใช้สิทธิเลือกตั้ง ปี2562 เป็นการแข่งขันทางนโยบายมากที่สุด เพราะประชาชนเลือกจากนโยบายเป็นปัจจัยหลัก การซื้อเสียงมีมากขึ้นเพราะด้วยระบบ ประชาชนจะรับเงินแต่จะเลือกพรรคหรือคนที่อยากเลือก ส่วนกลุ่ม First time voters เป็นกลุ่ม swing voters มีแนวโน้มไม่เลือกพรรคฝั่งคสช. และพรรคฝั่งทักษิณ ชินวัตร