SHARE

คัดลอกแล้ว

พระที่ตั้งอยู่เบื้องหน้า พระพักตร์ที่สงบเย็น แทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของนักเรียนจากเรือนจำกลางบางขวาง ประติมากรรมที่สร้างในพื้นที่ที่ถูกจำกัด ความแออัดและแรงเสียดทานทั้งจากภายในจิตใจของผู้ต้องขัง และสภาพความเป็นอยู่ของโลกหลังกำแพง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตนเอง เมื่อมันพังทลายลง ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ก็แทบไม่มีหลงเหลือให้เห็น

“ไม่มีใครอยากทำผิด” ดูเผินๆ อาจเหมือนเป็นคำร้องทุกข์ขอความเห็นใจจากสังคม แต่เมื่อมองอีกด้าน ถ้อยคำนี้กลับแฝงไว้ด้วยความสำนึกและรู้สึกผิด โดยเฉพาะเมื่อมันออกมาจากปากของคนกระทำผิดที่ถูกลงโทษทัณฑ์อย่างสาสม

ทันทีที่กรมราชทัณฑ์ โดย พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายโสภณ ยิ้มปรีชา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง เปิดโอกาสให้คณะทำงานเข้ามาจัดโครงการปั้นดินให้เป็นบุญ ซึ่งปีนี้จัดเป็นปีที่ 3 แม้จะเป็นเพียงโครงการเล็กๆ จากเรี่ยวแรงของคนเพียงน้อยนิด ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ในแดนการศึกษา, คุณอรสม สุทธิสาคร, คณาจารย์สอนปั้น อาทิ อ.ยี่หร่า ภูษิต รัตนภานพ, อ.อติ กองสุข, อ.ณัฐพล ชัยชนะ, อ.อภินันท์ คงศรี, ผศ.ปนท ปลื้มชูศักดิ์, อ.ศุภโชค ชุมสาย ณ อยุธยา, อ.วิชัย โยธาวงศ์ และทีมงานจิตอาสาอีกไม่กี่ชีวิต

ประติมากรรมพระพุทธรูปน้อยใหญ่เบื้องหน้า จึงกลายเป็นประตูแห่งเสรีภาพในการ “สื่อสาร” ระหว่างคนในเรือนจำบางขวาง และคนภายนอก “ได้ทำความรู้จักกัน”

ระยะเวลาเพียง 185 วันของการสอนปั้นพระพุทธรูป อ.ยี่หร่า (เสื้อฟ้า) หนึ่งในคณาจารย์กล่าวว่า “เริ่มต้นสอนพี่ๆ ในเรือนจำ แต่ละคนไม่มีพื้นฐานมาเลย จึงเริ่มสอนจากส่วนที่ยังไม่ยากจนเกินไป โดยให้ปั้นสิ่งที่เขาอยากปั้น วัว ควาย มือ เรียกว่าให้ปั้นชีวิตผ่านก้อนดิน ทำความรู้จักคุณลักษณะของดินที่ปั้น

“แม้ระยะเวลาของการเรียนจะสั้น แต่การสอนที่นี่ ทุกคนตั้งใจเรียนมาก มีความมุ่งมั่นตั้งใจมาก ไม่เหมือนสอนที่มหาวิทยาลัย ที่นักศึกษาเรียนไป ยุกยิกไป”

ไม่เพียงพระพุทธรูปจะงดงามหมดจด พระพักตร์ที่สงบเย็น แววตาและมุมปากที่ยิ้มพริ้มพราย เป็นความอ่อนโยนที่สื่อออกมาได้ชัด ชนิดที่ไม่เพียงคนที่ได้พบเห็น แม้แต่ตัวผู้ปั้นเอง ก็ยังไม่คาดคิดว่าจะทำออกมาได้ดีขนาดนี้

เบียร์ หนึ่งในนักเรียนของโครงการฯ กล่าวว่า “เมื่อเริ่มเข้าโครงการฯ ไม่แน่ใจว่าจะเรียนได้ แต่อยากลองทำ อยากมาพิสูจน์ดู อยากต่อยอดวัฒนธรรมเหล่านี้ให้คงอยู่ อยู่ที่นี่มา 2 ปี ชีวิตแต่ละวันล่องลอยไป ไร้จุดหมาย ไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่เมื่อมาเรียนปั้นดิน มันกลายเป็นการขัดเกลาจิตใจ เป็นการบำบัดที่มาถ่ายเทของเสียในความรู้สึกของเรา เพิ่มความรู้สึกด้านบวกออกมา และถ่ายทอดความรู้สึกนี้ลงในองค์พระที่เพียรปั้นขึ้นในทุกๆ วัน

“เมื่อเรียนปั้นพระ ทำทุกวัน ลองผิดลองถูก ทำให้มีสมาธิโดยไม่รู้ตัว ทำให้เกิดความรู้สึกภาคภูมิใจ ลดความสับสนวุ่นวาย ทำให้ได้สัมผัสความภาคภูมิใจอีกครั้งหนึ่ง โดยความภาคภูมิใจนี้ ไม่แน่ใจว่ามีครั้งสุดท้ายเมื่อไร เมื่อมาเรียนปั้นพระ ก็เริ่มมีจุดหมายในชีวิตที่ไม่ต้องวางแผนอะไรมาก เป็นการเริ่มต้นของจุดหมายในชีวิตที่ดี”

ใครที่เคยทำงานศิลปะทุกแขนงจะรู้ดีว่า ยิ่งใช้เวลาทุ่มเทกับงานศิลปะตรงหน้ามากเท่าไร จิตใจจะยิ่งมีสมาธิ ชั่วขณะที่จิตเกิดสมาธิ สมาธินั้นจะดิ่งลงในเบื้องลึกของจิต เกิดเป็นสมาธิระดับสูงที่สื่อสารลงระดับจิตใต้สำนึกได้

“แรกๆ ที่เรียนปั้นพระ เมื่อเริ่มปั้นเป็นรูปเป็นร่าง ได้มองหน้าพระ เราได้น้อมจิตใจลงไปเบื้องหน้าของพระ ลดความหยาบกระด้างในตัวเราให้ลงมาปั้นพระให้ได้ ทำให้มีกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อไป

“เมื่อจิตใจสงบ ก็ตระหนักรู้ว่า จากชีวิตที่เราเคยทำอะไรเพื่อตัวเอง ไม่สนใจว่าคนอื่นจะเดือดร้อนมากแค่ไหน ยังไง พอมาปั้นพระกลายเป็นว่า ความรู้สึกตรงนั้น เราไม่ชอบมันแล้ว เราได้ทำอะไรที่มันมีประโยชน์ต่อผู้อื่น มันสะท้อนให้เราเห็นว่า ชีวิตทำสิ่งที่มีคุณค่าได้ ชีวิตทำสิ่งที่มีความหมายได้”

คำพูดที่เรียบเรียงออกมาจากความคิดของ “จ๊อด” เขาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ แน่วแน่ ผ่านน้ำเสียงที่สงบเย็น แววตาที่อ่อนโยนแบบนี้ แทบไม่น่าเชื่อว่าเขาคนนี้ในอดีตเคยพลาดพลั้งฆ่าคนตาย

สำหรับคนภายนอก หาสักกี่คนที่จะเข้าใจ “โลกหลังกำแพง” ไม่ต้องนับถึงความเข้าใจต่อผู้คนที่อยู่ในนั้น จะมีสักกี่คนที่พร้อมช่วยเหลือและหยิบยื่นโอกาสให้พวกเขา

ดังเช่นที่ อรสม สุทธิสาคร ผู้ริเริ่มโครงการ กล่าวถึงโครงการนี้ด้วยสีหน้าแววตาที่เจือความสุข “เราทำงานมาถึงจุดที่เรียกว่างานมันกินลึกมาเรื่อยๆ ทำแล้วมันมีความชื่นใจ ถ้าเป็นธุรกิจจะเรียกว่ามันเจริญงอกงาม จึงกลายมาเป็นที่มาของการจัดตั้งกองทุนปั้นดิน ซึ่งเป็นกองทุนสำหรับตั้งต้นชีวิตใหม่ของผู้ต้องขัง ด้วยเงินทุนคนละ 1 หมื่น กู้ยืมได้อีก 1หมื่น ผ่อนเดือนละ 500 บาท ไม่มีดอกเบี้ย

“เราไม่อยากขอแต่ความเมตตาจากคนภายนอก เราต้องเปิดใจตัวเองด้วย เราต้องทำหน้าที่เชื่อมความเข้าใจระหว่างโลกภายนอกและโลกภายใน ให้เขามองมนุษย์อย่างที่เป็นมนุษย์ ซึ่งพี่ก็จะบอกกับลูกศิษย์ข้างในทุกคนว่า เราต้องสำนึกในความมีน้ำใจจากคนภายนอกที่ให้โอกาสเรา เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดอย่างนี้ได้”

เมื่อโครงการปั้นดินให้เป็นบุญ เข้าไปยังดินแดน “คนบาป” ที่ซึ่งไร้โอกาสอย่างแท้จริง โครงการฯ ที่เปรียบเสมือนแสงตะเกียงเล็กๆ ก็กลับกลายเป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ให้คนในนั้น ที่ชีวิตไม่อาจคาดฝันใดๆ ดังเช่นที่ “โต้ง” อดีตครูอนาคตไกล จบการศึกษาระดับปริญญาโท กล่าวว่า

“ไม่มีใครอยากทำผิด เราเคยใช้ชีวิตผิดพลาดจากความวู่วาม เราต่อสู้เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เราเคยอยู่ในสังคมวัตถุนิยม แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ ทุกอย่างต้องทิ้งหมด ยศ อำนาจ โอกาสก้าวหน้าทางอาชีพการงาน ความภาคภูมิใจ อย่างผมโดนโทษประหาร ความภาคภูมิใจมันไม่มีเลย แต่พอโครงการนี้เข้ามา มันเหมือนเป็นโอกาส โอกาสนั้นเหมือนแสงสว่าง อย่างน้อยคือถ้าเราไม่สามารถหนีไปจากสภาพแวดล้อมที่เราอยู่ เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ก็แค่ทำให้มันดีที่สุด เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็เรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ดี วันนี้โอกาสกลายเป็นการเยียวยาความรู้สึกของตัวเอง”

วันนี้พระที่เกิดจากมือที่เคยเปื้อนบาป กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลชุมชน โดย อรสม สุทธิสาคร และคณะทำงาน ตั้งเป้าให้พระพุทธรูปเหล่านี้เดินทางไปทั่วประเทศ ไปให้กำลังใจแก่ผู้ป่วยที่ชีวิตเดินถึงวาระสุดท้ายแล้ว

ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนสร้างพระพุทธรูป จากโครงการปั้นดินให้เป็นบุญ ได้ที่ บัญชีกระแสรายวัน ธนาคารกสิกรไทย สาขาพรานนก เลขที่บัญชี 0053307728 ชื่อกองทุนปั้นดินให้เป็นบุญ โดย น.ส.อรสม สุทธิสาคร, นายภูวนาท รัตนรังสิกุล, นายประเสริฐ เลิศอัศวลักษณ์ และนายอติ กองสุข หรือเฟซบุ๊ก  ปั้นดินให้เป็นบุญ

เราทุกคนล้วนเคยใช้ชีวิตผิดพลาด เคยกระทำผิดต่อผู้อื่น ไม่ว่าด้วยความโง่เขลา หรือเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เพียงแต่ชนวนของการกระทำผิดนั้น ส่งผลเสียหายไปได้มากขนาดไหน ความรุนแรงของการก่อเหตุนั้น ส่งผลกระทบมากมายเพียงใด คนที่กลับตัวกลับใจได้จริงๆ ย่อมควรค่าแก่การได้รับ “โอกาส”

อย่างน้อยทุกคนก็ควรจะได้รับโอกาสปรับปรุงตัว ในฐานะของความเป็นมนุษย์ที่ทุกชีวิตมีเท่าเทียมกัน

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า