ศาลระยอง ตัดสินให้ ปตท. ชดใช้ค่าเสียหายกรณีทำน้ำมันรั่วลงทะเล ปี 56

ศาลจังหวัดระยอง พิพากษาให้ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล ชดใช้ค่าเสียหายกับกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็ก และกลุ่มอาชีพค้าขาย กรณีที่ทำน้ำมันดิบรั่วไหลลงทะเลระยอง เมื่อปี 2556

วันที่ 28 ก.ย. กลุ่มประมงเรือเล็กในจังหวัดระยอง กว่า 300  คน เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลจังหวัดระยอง กรณีที่สมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง กับพวก รวม 454 คน เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) เรื่องละเมิด พระราชบัญญัติส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม ปี 2556 เรือบรรทุกน้ำมันสัญชาติกรีซ กำลังถ่ายน้ำมันดิบมายังโรงกลั่นน้ำมันของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ซึ่งอยู่ห่างจากฝั่งท่าเรือมาบตาพุดประมาณ 20 กิโลเมตร ท่อรับน้ำมันดิบเกิดแตกรั่ว น้ำมันดิบ 50,000 ลิตร ไหลลงสู่ทะเลมาบตาพุด ทำให้ผู้ประกอบการค้า รีสอร์ท กลุ่มประมงเรือเล็กในอำเภอเมืองระยอง และกลุ่มประมงเรือเล็กในเขตอำเภอแกลง ได้รับความเสียหายและเดือดร้อน ต่อมาวันที่ 25 กรกฏาคม 2557 สมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง ได้ร่วมกันยื่นฟ้อง บริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล จำกัด (มหาชน) ให้ชดใช้ค่าเสียหาย และฟื้นฟูระบบนิเวศน์ให้คืนสู่สภาพเดิม

(กลุ่มสมาคมประมงพื้นบ้านเรือเล็กระยอง)

นางสาวธิติพัทธ์  ศรีรัตน์ ผู้พิพากษาศาลจังหวัดระยอง ได้ขึ้นนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา โดยมีตัวแทนของกลุ่มประมงเรือเล็ก ฝ่ายโจทก์ ประมาณ 20 กว่าคนเข้ารับฟัง ทางบริษัท ปตท.ได้มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทและทนายความ เข้ารับฟัง คำพิพากษา กรณีที่ ปตท.ทำน้ำมันดิบจำนวน 50,000 ลิตร รั่วไหลลงทะเล เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2556 ทำให้ผู้ประกอบการ ค้ารีสอร์ท ประมง ได้รับความเสียหายและเดือดร้อน ศาลได้ใช้เวลาอ่านคำบรรยายก่อนพิพากษานาน 4 ชั่วโมง จึงพิพากษาว่า ให้ทางบริษัท พีทีที โกลบอลเคมิคอล ชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้ฟ้อง แยกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มอาชีพประมงพื้นบ้านเรือเล็กให้ทางบริษัท ชดใช้ค่าเสียหาย คนละ 9 หมื่นบาท  กลุ่มอาชีพค้าขาย คนละ 6 หมื่นบาท โดยหักจากเงินที่เคยเยียวยาไปก่อนหน้านี้แล้ว

ด้าน นายบรรเจิด ล่วงพ้น ประธานกลุ่มประมงพื้นบ้านเรือเล็กโบสถ์ญวณ  ต.ปากน้ำ อ.เมือง ระยอง บอกว่า เรื่องการชดใช้เงิน พวกตนไม่มีปัญหา แต่อยากให้ทางบริษัทมาฟื้นฟูระบบนิเวศน์ และสิ่งแวดล้อม เพราะการฟื้นฟูเป็นเรื่องสำคัญเพื่อให้ทรัพยากรทางทะเลเกิดความอุดมสมบูรณ์ เพราะเป็นทรัพย์สินของชาวประมง ซึ่งคงต้องยื่นฟ้องศาลอุทธรณ์ เรื่องขอให้ฟื้นฟูระบบนิเวศน์ต่อไปด้วย