การเลือกตั้งที่ขับเคี่ยวกันอย่างสูสีในมาเลเซีย สิ้นสุดลงด้วยชัยชนะของ “มหาเธร์” ผู้นำอาวุโส ที่กลับมาปราบลูกศิษย์ผู้พัวพันทุจริตเงินประเทศ “นาจิบ” โดย มหาเธร์ จะพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในวันนี้
วันนี้ (10 พ.ค. 61) สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาเลเซีย ประกาศผลการเลือกตั้งทั่วไปว่า แนวร่วมฝ่ายค้าน “ปากาตัน ฮาราปัน (Pakatan Harapan-PH)” หรือ แนวร่วมแห่งความหวัง นำโดย นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรี วัย 92 ปี (ศาตราจารย์ นายแพทย์ มหาเธร์ บินโมฮัมหมัด) สามารถคว้าที่นั่ง ส.ส. รวมกันไปได้ 121 ที่นั่ง เกินกว่าที่จำเป็นต้องได้ 112 ที่นั่งในรัฐสภาเพื่อจัดตั้งรัฐบาล
ขณะที่ พรรคอัมโน หรือ แนวร่วม Barisan Nasional –BN ของ นายนาจิบ ราซัค วัย 64 ปี ที่กำลังกลายเป็นอดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไปทั้งหมด 79 ที่นั่ง พรรคอิสลามมาเลเซีย (PMS) ได้ 18 ที่นั่ง

นาจิบ ราซัค หลังการไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง (9 พ.ค. 61)
มหาเธร์ จะกลายเป็น นายกรัฐมนตรีที่อายุมากที่สุดในโลก หลังจากที่เขากลับมาชิงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กับ นาจิบ ราซัค จากพรรคอัมโน ผู้เป็นเสมือนลูกศิษย์ ที่เขาปลุกปั้นให้มาสานต่ออุดมการณ์ทางการเมือง ในจังหวะที่เขาวางมือเพื่อเกษียณตัวเอง แต่ นาจิบ กลับมีข้อครหาที่เกินกว่าจะรับได้ คือ การพัวพันกับการทุจริตขนาดใหญ่ ในกองทุน 1 MDB (1 Malaysian Development Berhad)
หลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ มหาเธร์ ได้ออกแถลงการณ์ ผ่านสื่อออนไลน์ โดยมีคำกล่าวหนึ่งที่ระบุว่า “เราไม่ได้จะหาทางแก้แค้น เราต้องการฟื้นฟูหลักนิติธรรม”
ผลการเลือกตั้งที่ออกมาเช่นนี้ ย่อมส่งผลต่อ นาจิบ โดยตรง เนื่องจากตั้งแต่การหาเสียง มหาเธร์ ระบุว่า เมื่อจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้ว จะเดินหน้าสอบสวนการทุจริตมหาศาลในกองทุน 1 MDB ที่ นาจิบ เข้าไปพัวพัน เพราะมีเงินจากกองทุนนี้ 700 ดอลลาร์สหรัฐ (22,400 ล้านบาท)โอนไปอยู่ในบัญชีของ นาจิบ
มาเลเซีย จะพลิกโฉมไปอย่างไร หลังจากได้ผู้นำประเทศใหม่ ที่เป็นคนหน้าเดิม มหาเธร์ ผู้ซึ่งเคยนำพามาเลเซียให้เป็นประเทศที่มีความเจริญตลอด 22 ปี จะกลับมาฟื้นฟูมาเลเซีย ให้กลับมาผงาดได้มากน้อยเพียงใดเป็นสิ่งที่น่าจับตามองต่อไป
ที่มา AFP
ข่าวที่เกี่ยวข้อง