SHARE

คัดลอกแล้ว

ถ่ายภาพโดย: ชิน ชมดี / Thai News Pix

ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ประกาศจุดยืนพร้อมทำงานกับคนดีทุกรัฐบาล แม้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้นั่งนายกฯ ต่อ  โดย ผบ.ทหารสูงสุด ระบุถอดชื่อศิษย์เก่าดีเด่น-ขอคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว “ทักษิณ” เหตุไม่รักษาเกียรติยศที่ได้รับ

วันนี้ (28มี.ค.62) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมด้วย พลเอกณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พลเอกอภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก พลเรือเอกลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พลอากาศเอกชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน ผู้บัญชาทหารอากาศ และพลตำรวจเอกจักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงจุดยืนของกองทัพในการปกป้องสถาบันของประเทศอภิรัชต์ คงสมพงษ์ชาติ ณ กรมทหารราบที่ 11 กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภิรักษาพระองค์ ว่าจุดยืนของทหารตำรวจไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จุดยืนของทหารตำรวจคือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และความอยู่ดีมีสุขของประชาชนไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ส่วนความเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และแม่น้ำ 5 สาย ก็จะมีโรดแมปก็จะต้องหมดไปตามระยะเวลาตรงนั้น ไม่มีเรื่องใดที่จะต้องเป็นกังวล การบริหารงานของรัฐบาลในเวลาต่อไปเป็นไปตามตัวบทกฎหมาย และตามรัฐธรรมนูญที่ได้กำหนดเอาไว้

สำหรับสถานการณ์การเมืองต่อจากนี้ ในส่วนของ ผบ. เหล่าทัพ มองอย่างไรนั้น พลเอกพรพิพัฒน์ กล่าวว่า ในช่วงเลือกตั้งที่ผ่านมา ถึงสถานการณ์การเมืองต่อจากนี้เป็นอย่างไรบ้าง หลังจากที่มีการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว พลเอกพรพิพัฒน์ ต้องขอขอบคุณทุกพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องที่ได้ทำให้เกิดความเรียบร้อยในห้วงระหว่างก่อน ระหว่างและหลังการเลือกตั้ง ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช. ก็คลายความกังวล เพราะทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ก็ต้องขอขอบคุณทุกท่าน ส่วนผลของการเลือกตั้งเท่าที่ได้ติดตามในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความปกติ

ส่วนการพยายามที่จะรวมเป็นรัฐบาลโดยคะแนนข้างใดนั้น ก็ขอให้เป็นเรื่องทางฝ่ายการเมือง ทหาร ตำรวจจะปฏิบัติหน้าที่ในรักษาความสงบ และป้องกันเอกราชอธิปไตยของประเทศชาติต่อไปตามปกติ

เมื่อถามว่า ไม่ว่าใครมาเป็นผู้นำรัฐบาลก็แล้วแต่ ทหาร ตำรวจ ก็จะเป็นกลไกใช่หรือไม่ พลเอกพรพิพัฒน์ กล่าวว่า ทหาร ตำรวจเป็นส่วนราชการ เป็นกลไกทางราชการ ซึ่งต้องปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดๆ ก็ตาม เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดที่จะมาทำหน้าที่ในการเป็นรัฐบาล ทหารและตำรวจก็ต้องปฏิบัติตามนโยบาย และแนวทางที่รัฐบาลกำหนด

ส่วนกรณี 6 พรรคการเมือง (27มี.ค.) ลงสัตยาบันต่อต้านการสืบทอดอำนาจ คสช. และชูนโยบายปฏิรูปกองทัพ ผบ.เหล่าทัพ คิดอย่างไรในฐานะที่ผเป็นส่วนหนึ่งของ คสช. พลเอกพรพิพัฒน์ กล่าวว่า ข้อสอบต้องยุติไปตามโรดแมปอยู่แล้ว เมื่อตั้งรัฐบาล ความเป็น คสช. ก็พ้นไปโดยธรรมชาติ ไม่เห็นว่าจะมีโอกาสที่เป็นการสืบทอดอำนาจตามวาทะที่ได้พูดกันในระยะนี้ ไม่มีอะไรที่จะเป็นเรื่องน่ากังวล ส่วนการปรับปรุงพัฒนากองทัพ ถ้าคำสั่งถ้าแนวทาง หรือแนวนโยบายแห่งรัฐ เป็นเรื่องที่ได้คิดใคร่ครวญอย่างเหมาะสมแล้วว่าทำให้ประเทศชาติมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ ไม่ถูกรุกรานจากประเทศภายนอก ทุกอย่างก็สามารถที่จะปรับได้ ตามที่รัฐบาลกำหนดนโยบายให้กับกองทัพ และตำรวจปฏิบัติ

และเมื่อถามว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่า เราจะสามารถทำตามพระบรมราโชวาท ในเรื่องของการให้คนดีมาปกครองบ้านเมือง หรือดูแววแล้วว่าจะมีคนไม่ดีมาปกครอง บ้านเมือง พลเอกพรพิพัฒน์ กล่าวว่า “นี่คือสิ่งที่ เป็นความเร่งด่วนสูงสุดที่กองทัพ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติพยายามจะพูด แต่ทุกครั้งและทุกโอกาสการดำเนินการทุกประการตามแนวพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9  ถือว่ามีความลึกซึ้งและเป็นปรัชญาสูงสุด เราไม่สามารถทําให้ทุกคนเป็นคนดีได้ แต่ว่าเราสามารถที่จะเลือกคนดีเข้ามาบริหารแผ่นดินได้ และเราทุกคนเองแม้กระทั่งในสังคมทหารตำรวจ เราก็พยายามยึดมั่นอยู่กับแนวปฏิบัติ ก็คือพยายามให้ทุกคนก็ตามที่เป็นคนดีขึ้นมาเป็นผู้ปกครองเป็นผู้บังคับบัญชา”

สำหรับการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการทุจริตเลือกตั้งนั้น พลเอกพรพิพัฒน์กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องให้เวลากับทาง กกต. และต้องเชื่อมั่นในกลไกของรัฐก่อน เมื่อพบข้อบกพร่องก็ต้องแก้ไขและในข้อแก้ไขก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ถ้าให้โอกาส กกต. มากกว่าการจู่โจม ด้วยคำพูดจนเขาไม่สามารถ ตั้งตัวได้ และทำลายความน่าเชื่อถือ แม้บางเรื่อง จะเป็นเรื่องจริงแต่เราเลือกที่จะไม่เชื่อ ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรม กกต. บ้าง ตามสมควร

และหากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี กองทัพมีจุดยืนอย่างไรจะรับได้หรือไม่ พลเอกพรพิพัฒน์ กล่าวว่า กองทัพกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อยู่ภายใต้รัฐบาลมาเป็นสิบเป็นร้อยปี อยู่ภายใต้การนำของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยทุกแบบ ดังนั้นไม่มีปัญหาว่ากองทัพจะปฏิบัติงานภายใต้ของรัฐบาลใด หรือภายใต้นายกรัฐมนตรีท่านไหน

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หากสุดท้ายแล้วการเลือกตั้ง ไม่สามารถได้ผลสรุปที่ดีได้ ยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่มีการรัฐประหาร หรือปฏิวัติเกิดขึ้นอีก พลเอกพรพิพัฒน์กล่าวว่า อย่าไปตั้งเป้าว่าจบไม่ดี คนไทยต้องคิดบวก เราอุตส่าห์เดินทางตามโรดแมป มาถึงขั้นที่เรามีการเลือกตั้งและได้ผลการเลือกตั้ง มันแค่ช่วงระยะเวลาจากนี้ รอจนกระทั่งกกต.ประกาศยืนยันว่าใคร หรือยืนยันรายชื่อ หลังจากนี้ทุกอย่างก็จะเกิดการฟอร์มรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ในที่สุดก็จะสามารถมีรัฐบาลที่ได้เสียงข้างมากจนได้

ขณะที่กรณีการถอดชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร ออกจากศิษย์เก่าดีเด่น รร.เตรียมทหาร และริบรางวัลเกียรติยศจักรดาว พลเอกพรพิพัฒน์ กล่าวว่า ก็เป็นการดำเนินการของมูลนิธิศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ซึ่งเป็นผู้แทนจากรุ่นต่างๆเข้ามาเป็นองค์ประกอบ ของคณะกรรมการ ก็เป็นเรื่องภายใน ซึ่งรางวัลเป็นรางวัลเกียรติยศ ผู้รับย่อมต้องรักษาเกียรติแห่งรางวัลนั้นไว้ ถ้ามีข้อมูลในทางใดที่ผู้รับไม่สามารถจะรักษาเกียรติแห่งรางวัลนั้นไว้ได้ ก็ต้องเรียกคืน

โดยพฤติกรรมของนายทักษิณ ที่ไม่สมควรที่จะได้รับรางวัลนี้ต่อไป สื่อมวลชนและคนไทยก็อาจจะทราบข้อมูลพวกนั้นอยู่แล้ว ในเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดีย หลายๆ แห่ง แต่ว่าสิ่งที่รบกวนจรรยาบรรณของทหารและหลักนิยมของทางทหาร ก็คือการใดก็ตามที่เป็นการจาบจ้วง ไม่รู้ที่สูงที่ต่ำ ก็ต้องถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจ ส่วนเหตุผลว่าทำไมถึงเลือกช่วงเวลานี้ในการตัดสิน พลเอกพรพิพัฒน์ กล่าวว่า มันก็มีช้า มีเร็วได้ เป็นปกติ แต่เมื่อพบว่า มีอะไรที่สมควรต้องดำเนินการ ก็ถึงเวลาที่ต้องดำเนินการ เพื่อให้จบกระบวนการขั้นตอนไป

นอกจากนี้ พลเอกพรพิพัฒน์ ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับภาพเหตุการณ์ที่ฮ่องกง แต่เป็นเรื่องทั่วๆไป เมื่อข้อมูลมาถึงจุดๆ หนึ่ง จะต้องดำเนินการ อย่างใดอย่างหนึ่ง เราก็ต้องเลือกระยะเวลาที่เหมาะสม และไม่อยากให้เป็นผลกระทบที่ส่งไปในเรื่องทางการเมือง

ทั้งนี้ นายทักษิณ จะถือว่าเป็นคนแรกของ รร.เตรียมทหาร ที่ถูกถอดชื่อและริบรางวัลหรือไม่นั้น พลเอกพรพิพัฒน์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ผู้ที่ได้รับรางวัล เขาก็สามารถรักษาเกียรติแห่งรางวัลนั้นไว้ได้ทุกคน ซึ่งศิษย์เก่า รร.เตรียมทหาร และคนที่เป็นทหาร ตำรวจ ผมเชื่อว่าเป็นคนไทยทุกคนเช่นเดียวกัน ก็จะมีมาตรฐานทางจริยธรรมและมาตรฐานของความจงรักภักดี ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติที่เรายึดถือ และรู้ระมัดระวังที่จะไม่ล่วงเกินในทางใดทางหนึ่ง หากผู้ใดได้ทำการกระทำล่วงละเมิด ล่วงเกินอย่างที่ได้เรียนไว้ ไม่รู้ว่าอะไรสูง ไม่รู้ว่าอะไรต่ำ ก็ต้องใช้มาตรการทางใดทางหนึ่งและหวังว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นมาตรฐานที่คนไทยทุกคนพึงปฏิบัติ

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า