ผู้ว่าฯ กทม. สั่งล้างถนนทั่วกรุงจนกว่าฝุ่นPM 2.5 จะคลี่คลาย-แจกหน้ากากหมื่นชิ้น

กทม. ระดมฉีดน้ำล้างถนน – แจกหน้ากาก -ห้ามรถใหญ่เข้ากรุง บรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก ขณะที่ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ชี้ ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต จะคลี่คลายต้นเดือนมีนาคม

วันที่ 14 ม.ค. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ในพื้นที่กทม. ว่า ตั้งแต่ช่วงเย็นวันนี้ กทม.ระดมรถฉีดน้ำจาก 50 เขตล้างถนน โดยเฉพาะจุดที่มีเครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศ 33 จุด เช่น เขตจตุจักร ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนกาญจนภิเษก เขตบางขุนเทียน ซึ่งพบ PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานถึง 70-80 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (ค่ามาตรฐาน คือ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร) ซึ่งการล้างถนนจะช่วยลดความสกปรก และลด PM 2.5 ได้ด้วย รวมทั้งมีรถฉีดน้ำแรงดันสูงอีก 2-3 คัน เพื่อจับ PM 2.5 โดยเฉพาะ

พร้อมกันนี้ กทม.จะกระจายจุดออกแจกหน้ากากป้องกันฝุ่นแบบ N95 จำนวน 10,000 ชิ้น และขอรับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุข หน่วยทหารที่จะระดมจัดหาจากต่างจังหวัดเข้ามาให้ประชาชนในกทม.เพิ่มเติมอย่างเร็วที่สุด นอกจากนี้ได้ประสานตำรวจบังคับใช้กฎจราจรอย่างเด็ดขาด ห้ามรถใหญ่วิ่งเข้าพื้นที่กทม. ก่อนเวลา 09.00 น. และหลังเวลา 15.00 น. โดยผู้ว่าฯ อัศวิน ยอมรับว่า สิ่งทำเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ

ผู้ว่าฯ อัศวิน กล่าวด้วยว่า จะมีมาตรการเข้มงวดกับพื้นที่ก่อสร้าง ยอมรับสถานการณ์ของ PM 2.5 มีผลกระทบมาจากการก่อสร้างด้วยนอกจากปัญหาจากโรงงาน และรถยนต์ที่ปล่อยควันดำ “มีคนกล่าวว่า อย่างนี้แก้ปัญหาที่ปลายเหตุใช่หรือไม่ ผมก็ยอมรับอย่างหน้าชื่นตาบานว่าใช่ แต่เราก็ต้องแก้อยู่ดี” 

นายประลอง ดำรงค์ไทย อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า สถานการณ์ PM 2.5 ในปีนี้เกิดขึ้นเร็วกว่าทุกปีคือตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม หยุดไปช่วงปีใหม่ที่มีฝนตกลงมา และกลับมารุนแรงขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. จนถึงขณะนี้ โดยบางวัน PM 2.5 เกินค่ามาตรฐานไปกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ในวันถัดมาจะลดลง แต่หาก PM 2.5 เกิน 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรติดต่อกัน 3 วันจะถือว่า วิกฤต ต้องมีมาตรการที่เข้มข้นกว่านี้คือต้องทำฝนเทียม

“ตั้งแต่ 19 ธันวาคมเป็นต้นมาที่เกิด เรายังรักษาสถานการณ์ได้ ไม่ถึงขั้นวิกฤติครับ และกรมอุตุนิยมวิทยาบอกว่า สัปดาห์นี้อากาศจะดีขึ้น PM 2.5 จะลอยตัวขึ้น เพราะกทม. อยู่ในดง เมื่อความกดอากาศจากจีนแผ่ลงมาทำให้กด PM 2.5 ที่เบามากไว้” อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ ระบุ และว่า ปีนี้แปลกสถานการณ์เกิดขึ้นเร็ว และคิดว่าต้นเดือนมีนาคมถึงจะคลี่คลาย

ด้าน ตัวแทนจากกรมอุตุนิยมวิทยา ชี้แจงประชาชนอย่าตื่นตระหนก เพราะบางจุดในเช้าวันนี้มีหมอกลง เช่น ที่บริเวณสนามบินสุวรรรณภูมิ มีหมอกผสมกับ PM 2.5 แต่ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหากับการขึ้น-ลงของเครื่องบินแต่อย่างใด

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข

ที่กระทรวงสาธาณสุข นพ.สุขุม  กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้มอบให้ นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ที่กระทรวงสาธารณสุข เพื่อติดตามเฝ้าระวังผลกระทบสุขภาพ ให้ความรู้ประชาชนและวิธีป้องกันตัวที่ถูกต้อง โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด

“ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ เนื่องจากฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่ได้เกินค่าในทุกพื้นที่ และพื้นที่ที่มีค่าเกินมาตรฐานก็ไม่ได้ค่าสูงอยู่ตลอดเวลา ข้อมูลการเฝ้าระวังของสำนักระบาดวิทยาที่ได้รับรายงานในโรงพยาบาลเครือข่ายกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 3 สิงหาคม 2561 – 7 มกราคม 2562 ไม่พบว่า มีผู้ป่วย 3 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังสูงขึ้นผิดปกติ หรือพบเป็นกลุ่มก้อนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่ผ่านมา ได้แก่ หอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง และโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด และไม่มีรายงานผู้ที่มีอาการรุนแรง” นพ.สุขุมกล่าว

ด้านพญ.พรรณพิมล  วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ในกลุ่มเสี่ยงได้แก่ ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก ผู้ป่วยด้วยโรคประจำตัว เช่นโรคระบบทางเดินหายใจ หอบหืด ภูมิแพ้ โรคหัวใจ หากออกจากบ้านให้สวมหน้ากากป้องกันและสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจมีเสียงวี๊ด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะขอให้ไปพบแพทย์