ผู้ว่าฯ ลงตรวจ เหตุไฟไหม้ รพ.พะเยา คาด 3 วัน พร้อมใช้งาน

ตำรวจ พฐ. ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องเพลิงไหม้ รพ.พะเยา หาสาเหตุที่แท้จริง ด้าน ผู้ว่าฯ ระบุเสียหายไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นเอกสาร คาดพร้อมใช้งานไม่เกิน 3 วัน

วันที่ 18 ก.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ตึกอุบัติเหตุฉุกเฉินชั้นที่ 4  โรงพยาบาลพะเยาจนต้องอพยพผู้ป่วยอย่างโกลาหล โดยเหตุเกิดเมื่อคืนที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการภูธร จ.พะเยา หรือ พฐ. ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบความเสียหายและหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ พร้อมด้วย นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการ จ.พะเยา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

นายณรงค์ศักดิ์ เปิดเผยว่า ห้องที่ได้รับความเสียหายจริงๆ มีเพียง 1 ห้อง ซึ่งเป็นห้องที่เก็บเอกสารเกี่ยวกับการประเมินคุณภาพของโรงพยาบาล และงานวิจัยบางส่วนเท่านั้น ส่วนห้องอื่นๆ ได้รับความเสียหายเพียงเล็กน้อย เนื่องจากถูกน้ำและความร้อนจากห้องที่เกิดเหตุเท่านั้น ซึ่งน่าจะไม่มีปัญหาทางโครงสร้างของตัวห้องหรือตัวอาคาร เชื่อว่าห้องทั้งหมดสามารถนำมาใช้งานได้ตามปกติไม่เกิน 3 วัน

ด้านคนป่วยที่จะมาห้องฉุกเฉิน ทางโรงพยาบาลพะเยาได้จัดพื้นที่ไปที่ห้องประชาสัมพันธ์ ที่อาการหนักนำส่งโรงพยาบาลพะเยาราม ส่วนคนไข้ที่จะฟอกไตนำส่งโรงพยาบาลค่ายขุนเจืองธรรมมิกราช มณฑลทหารบกที่ 34 โดยมีทีมงานประสานกับผู้ป่วยรายใหม่ให้ไปใช้ห้องดังกล่าว ซึ่งทำให้คนป่วยสะสมในห้องดังกล่าวจนล้นออกมานอกอาคาร และตามทางเดิน

โดยจากความเสียหายเกิดขึ้นที่บริเวณชั้น 4 ห้อง ซึ่งเป็นห้องเก็บเอกสารข้อมูลการประเมินและข้อมูลบางส่วน เบื้องต้นกระทบกับการที่จะมีผู้ใช้บริการ หรือคนไข้ จะต้องใช้ระบบแมนนวล ซึ่งแพทย์จะต้องทำการซักประวัติคนไข้อย่างละเอียด เนื่องจากจะกระทบเกี่ยวกับการแพ้ยา

ในส่วนของความเสียหายนั้นมีเพียงห้องเดียวที่จะต้องเร่งทำการกู้ภัยระบบคอมพิวเตอร์ที่มีอยู่ คาดว่าในช่วงบ่ายจะสามารถเข้าทำงานได้ อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงจะเร่งทำให้แล้วเสร็จภายใน 1-2 วันนี้ ก็จะสามารถใช้งานได้ตามปกติ ซึ่งขณะนี้ทางโยธาธิการและผังเมืองได้เข้าตรวจสอบโครงสร้างอยู่ว่าจะสามารถใช้การได้หรือไม่ ส่วนของสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ครั้งนี้ ตำรวจวิทยการ (พฐ.) กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ

อ่านข่าวอื่นได้ที่
เว็บไซต์ : workpointnews.com
เฟซบุ๊ก: ข่าวเวิร์คพอยท์ ตลาดข่าว   
ยูทูบ: workpoint news   
ทวิตเตอร์: workpoint news   
อินสตาแกรม: workpointnews