พบศพสาวเสียชีวิตบริเวณ ถ.วิภาวดีฯ คาดโดดสะพานลอยลงมา

ประเด็นคือ – สาวเสียชีวิตบริเวณ ถ.วิภาวดีฯ รปภ.เผยผู้เสียชีวิตถามก่อนเกิดเหตุ “สะพานนี้โดดลงมาจะตายไหม” ด้าน ตร.ยังไม่ปักใจเชื่อ รอผลนิติเวชหาสาเหตุที่แท้จริง

เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 17 พ.ย. 60 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.สถิตคุณ สุขหล้า รอง สว.(สอบสวน) สน.สุทธิสาร รับแจ้งมีหญิงกระโดดจากสะพานลอยลงมาเสียชีวิต บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณใต้สะพานลอยคนข้ามก่อนถึงปากซอยวิภาวดีรังสิต 16 แขวงจอมพล เขตจัตุจักร กทม. จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมแพทย์เวร รพ.ตำรวจ และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู

ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนวิภาวดีในเลนคู่ขนานฝั่งขาเข้า ใต้สะพานลอยหน้าร้านอาหารอัญชัน ปากซอยวิภาวดี 16 พบศพ น.ส.นพวรรณ นิลพันธ์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 99 หมู่ 23 ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงยีนขาสั้น รองเท้าแตะสีชมพู มีบาดแผลที่ศีรษะ เลือดไหลนองเต็มพื้น สร้างความหวาดเสียวให้แก่ผู้ที่สัญจรผ่านไปมาในบริเวณนั้น

จากการสอบสวน นายวรพงศ์ โพธิสัตย์ อายุ 37 ปี เผยว่า ผู้เสียชีวิตคนดังกล่าวเป็นแฟนสาว ซึ่งพักอาศัยด้วยกันอยู่ในหอพักภายในซอยวิภาวดีรังสิต 18 เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาก็ยังพูดคุยกับแฟนสาวก่อนตนจะออกไปขับรถส่งของ แฟนสาวไม่ได้มีอาการผิดปกติอะไร กระทั่งเลิกงานประมาณ 20.00 น. ตนกลับมาที่ห้องพักไม่เจอแฟนสาวซึ่งผิดปกติ จึงขี่รถจักรยานยนต์ออกตามหา เห็นคนมุงดูเหตุการณ์กันจึงจอดรถดู กระทั่งรู้ว่าเป็นแฟนสาวของตน

สอบสวน นายปัญญา มาตพงษ์ อายุ 34 ปี รปภ.ร้านอาหารอัญชัน เล่าว่า เคยพบเห็นผู้เสียชีวิตเดินเข้าออกผ่านจุดที่ตนเข้าเวรอยู่เป็นประจำ ผ่านมาก็ไม่เคยทักหรือคุยกัน เนื่องจากไม่เคยรู้จักกันเป็นการส่วนตัว แต่มาวันนี้ช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ผู้เสียชีวิตได้มาถามตนว่า “พี่ๆ สะพานนี้ถ้าขึ้นไปโดดลงมาจะตายไหม” ตนได้ตอบกลับไปว่าไม่รู้ จากนั้นผู้เสียชีวิตก็เดินไปทางสะพานลอย ตนก็ไม่ได้สนใจ นึกว่าผู้เสียชีวิตพูดเล่น จนมาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถสรุปว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากผู้เสียชีวิตกระโดดสะพานลอยลงมาเสียชีวิตเอง หรือเกิดจากอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนจนเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม ฝ่ายสืบสวนจะทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณสะพานลอยและใกล้เคียงจุดเกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง ก่อนส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.ตำรวจ เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป