NASA พบภูเขาน้ำแข็งคล้ายโต๊ะ ทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าสมบูรณ์แบบในธรรมชาติ บริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกเหนือ
วันที่ 24 ต.ค. 61 องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NASA) ได้เปิดเผยภาพภูเขาน้ำแข็งรูปทรงคล้ายโต๊ะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยักษ์ ลอยอยู่ในทะเลเวดเดลล์ (Weddell Sea) นอกชายฝั่งของทวีปแอนตาร์กติกา

Credits: NASA/Jeremy Harbeck
โดยภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ ถูกบันทึกภาพไว้เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา โดยนายเจอเรอมี ฮาร์เบ็ก นักวิทยาศาสตร์ประจำโครงการ IceBridge ของ NASA ระหว่างทำการสำรวจธารน้ำแข็งหลายแห่ง บริเวณคาบสมุทรแอนตาร์กติกเหนือ
ภูเขาน้ำแข็งที่ถูกพบมีผิวหน้าเรียบสนิท และมีมุมแหลมเป็นมุมฉาก 90 องศา ซึ่งถือเป็นรูปทรงที่หาพบได้ยากตามธรรมชาติ โดยมันลอยตัวอยู่ในทะเลน้ำแข็ง ที่อยู่ใกล้กับหิ้งน้ำแข็งลาร์เซน ซี (Larsen C) ซึ่งเป็นหิ้งน้ำแข็งสำคัญ ที่กำลังพังทลายลงอย่างรวดเร็วเพราะภาวะโลกร้อน
ลักษณะของภูเขาน้ำแข็ง ที่เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าอย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ แสดงว่าเพิ่งแยกตัวออกมาจากหิ้งน้ำแข็งใหญ่ได้ไม่นาน และยังไม่ถูกคลื่นลมในทะเล ทำให้รูปร่างเปลี่ยนแปลงไปมากนัก
What has four near-perfect corners and is made naturally by Mother Earth? @NASA_ICE‘s Operation #IceBridge scientist Jeremy Harbeck spotted two rectangular icebergs floating off the northern Antarctic Peninsula. Dive in: https://t.co/7sOtE5ZhDQ pic.twitter.com/DrPTLpRSJw
— NASA (@NASA) 24 ตุลาคม 2561
NASA ประมาณการว่า ภูเขาน้ำแข็งรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้านี้ น่าจะมีความกว้างกว่า 1.6 กม. และมีส่วนฐานจมอยู่ใต้ทะเล ที่มีขนาดมหึมา โดยส่วนยอดรูปสี่เหลี่ยมที่โผล่พ้นน้ำนั้น คิดเป็นเพียง 10% ของมวลน้ำแข็งทั้งหมด
ด้าน ดร.เคลลี บรันต์ นักวิทยาธารน้ำแข็งจากมหาวิทยาลัยแมริแลนด์ ในสหรัฐฯ กล่าวว่า ภูเขาน้ำแข็งรูปร่างเช่นนี้ เรียกว่า ‘ภูเขาน้ำแข็งรูปโต๊ะ’ (Tabular iceberg) ซึ่งเคยมีการค้นพบมาก่อนหน้านี้แล้ว
กระบวนการที่ภูเขาน้ำแข็งก่อตัวขึ้น จะคล้ายกับปลายเล็บที่แตกออกเมื่อเล็บมือเล็บเท้าเริ่มมีความยาวมากเกินไป ซึ่งชิ้นส่วนที่แตกออกมามักเป็นรูปทรงเรขาคณิต
ทั้งนี้ โลกออนไลน์ต่างแสดงความเห็นต่อภูเขาน้ำแข็งรูปโต๊ะ ว่าเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่จะมีรูปทรงเหลี่ยมสมบูรณ์เกิดขึ้นในธรรมชาติ โดยชาวเน็ตบางคนคอมเมนต์ว่า มนุษย์ต่างดาวอาจเป็นผู้ทำขึ้น หรือไม่เชื่อว่าธรรมชาติจะสร้างขึ้นมาได้
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติอย่างแน่นอน