พายุฤดูร้อนถล่มอีสาน บ้านเรือนประชาชนพังนับร้อย

พายุฤดูร้อนถล่มบ้านเรือนประชาชนในจังหวัดขอนแก่น ได้รับความเสียหายหลายหมู่บ้าน และไฟฟ้าดับ หลายครัวเรือนจึงต้องมาอาศัยอยู่บ้านญาติ เนื่องจากหลังคาถูกพายุพัดเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่เร่งสำรวจความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือ

วันที่ 21 มี.ค.2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านบึงฉิม ตำบลบึงเนียม อำเภอเมืองขอนแก่น กำลังช่วยกันเก็บเศษไม้ กระเบื้อง หลังคา ออกจากถนนและบริเวณบ้าน เพื่อให้สามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวก หลังจากเมื่อช่วงเย็นวานนี้ (20 มี.ค.61) ได้เกิดฝนตกหนักและพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนประชาชน ได้รับความเสียหายกว่า  10 หลังคาเรือน

นางกัลยา เทียบอุ่น อายุ 60 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 57/2 บ้านบึงฉิม  กล่าวว่า  เมื่อช่วงเย็นวานนี้ขณะที่ตนเองและสามีกำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน ได้มีฝนตกลงมาอย่างหนัก จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังโครมจากชั้นบนของบ้าน ด้วยความตกใจจึงวิ่งไปกอดเสาบ้านและหลบอยู่ข้างตู้เสื้อผ้า ทันใดนั้นก็มีน้ำไหลลงมาถึงชั้นล่าง เมื่อตรวจสอบก็พบว่าโครงหลังคาบ้านถูกพายุพัดลอยไปไกลกว่า  100  เมตร และไปตกใส่บ้านอีกหลังได้รับความเสียหาย ตนและสามีจึงได้ช่วยกันขนย้ายข้าวของเครื่องใช้ อุปกรณ์ไฟฟ้า โดยเฉพาะกระสอบที่บรรจุข้าวเปลือกที่กองรวมกันอยู่ชั้นล่าง ต้องช่วยกันขนย้ายไปเก็บไว้ที่อื่นเพื่อป้องกันความเสียหายไม่ให้โดนน้ำ และต้องไปขออาศัยที่บ้านญาติเป็นการชั่วคราวไปก่อน จนกว่าจะซ่อมแซมและมุงหลังคาบ้านให้แล้วเสร็จ

นางกัลยา บอกว่า ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ยอมรับว่าตกใจและกลัวเป็นอย่างมาก โชคดีที่ช่วงเวลาเกิดเหตุคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในบ้าน หากมีประชาชนสัญจรตามท้องถนนหรือรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมกลางแจ้ง ก็อาจจะทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ในครั้งนี้

ล่าสุดกำลังทหารจากมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ กว่า 30 นาย นำอุปกรณ์ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่ได้รับผลกระทบพายุฤดูร้อน พัดถล่ม บ้านเรือนจนพังเสียหาย โดยเฉพาะที่บ้านบึงฉิม ม.4 ต.บึงเนียม อ.เมือง จ.ขอนแก่น ซึ่งถูกพายุพัดกระหน่ำ

ขณะที่นายเกรียงไกร จิตธรรม หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดร้อยเอ็ด เปิดเผยว่าอิทธิพลของพายุฤดูร้อน ส่งผลกระทบในพื้นที่ 7 อำเภอของจังหวัดร้อยเอ็ด ได้แก่ อำเภอเมืองร้อยเอ็ด อำเภอโพนทอง อำเภอเชียงขวัญ อำเภอธวัชบุรี อำเภอเมยวดี อำเภอจังหาร และอำเภอเชียงขวัญ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน เท่านั้น รวมกว่า 600-700 หลังคาเรือน โดยเฉพาะที่อำเภอเชียงขวัญ ที่ได้รับผลกระทบหนักประมาณ 200 หลังคาเรือน ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต