ภารกิจหยุดยั้งสืบทอดอำนาจสำคัญกว่า ใครเป็นนายกฯ

จากกรณีที่พรรคอนาคตใหม่เคยประกาศจุดยืนว่าจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ด้วยเท่านั้น แต่ล่าสุด พรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวนที่นั่ง ส.ส.อย่างไม่เป็นทางการนำอยู่ในขณะนี้ อาจจะได้เฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขตแต่ไม่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเลยนั้น ซึ่งจะทำให้แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคที่ลงสมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อด้วย คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายชัยเกษม นิติสิริ (นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อีกหนึ่งแคนดิเดต ไม่ได้ลงสมัคร ส.ส.) อาจจะไม่ได้เป็น ส.ส.ทั้งคู่ ซึ่งอาจขัดกับจุดยืนของพรรคอนาคตใหม่

วันที่ 25 มี.ค. น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์ในรายการ ข่าวเวิร์คพอยท์ ช่วงเที่ยง ถึง กรณีที่พรรคเคยประกาศจุดยืนว่าจะโหวตให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ด้วยเท่านั้น ว่าต้องรอการแถลงอย่างเป็นทางการจากพรรคช่วงเย็น หลังการแถลงของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่เบื้องต้นหลักการในการร่วมรัฐบาลของพรรคจุดหมาย คือ หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เรื่องนี้เป็นภาระสำคัญที่สุดของพรรค นี่คือ ภารกิจแรกเมื่อคืดถึงการร่วมรัฐบาล

เมื่อถามว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคยังมีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ โฆษก พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า โอกาสมีอยู่เสมอเพียงแต่ว่า เราไม่ได้ต้องการให้คุณธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี เป้าหมายของเราก็คือ เราต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศและลงหลักปักฐานประชาธิปไตยเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจ คสช.เพื่อเป้าหมายนั้น จำเป็นที่ต้องให้คุณธนาธรเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ต่อให้ไม่ได้เป็นก็ต้องหาทางร่วมมือกับพรรคอื่นทำให้ได้ จุดหมายสูงสุดอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ใครอยู่ในตำแหน่งไหน

ส่วนเรื่องการทำหน้าที่ กกต. ตอนนี้ยังคงให้คะแนนไม่ได้เพราะยังต้องรอการประกาศผลให้เสร็จสิ้น แต่ที่แน่ๆ การมีรายงานความผิดปกติแทบทุกพื้นที่ ทำให้เป็นคำถามต่อ กกต.ว่าการจัดการเลือกตั้ง ทั้งเลือกตั้งล่วงหน้า และวันเลือกตั้งจริง ที่มีกรณีบัตรเกิน บัตรเสีย การรายงานผลคะแนนล่าช้า รวมทั้งมีพฤติกรรมแปลกๆ เช่น การย้ายที่นับคะแนนกระทันหัน หรือไฟดับระหว่างนับคะแนน เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องออกมาชี้แจงว่า ในพื้นที่ที่มีรายงานว่ามีปัญหา จะต้องมีการนับคะแนนใหม่ หรือต้องมีการเลือกตั้งซ่อมหรือไม่