
ชาวมาเลเซียเริ่มเข้าคูหาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
หาก “มหาเธร์” สามารถเอาชนะ “นาจิบ ราซัค” ผู้ที่เขาเคยปลุกปั้นให้ขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรีมาเลเซียสำเร็จ มหาเธร์ จะกลายเป็นผู้นำที่อายุมากที่สุดในโลก
การเลือกตั้งครั้งดุเดือดที่สุดในมาเลเซีย มีขึ้นในวันนี้ (9 พ.ค. 61) การต่อสู้ระหว่าง นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน กับ นายมหาเธร์ โมฮัมหมัด วัย 92 ปี อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ผู้ครองตำแหน่งยาวนานถึง 22 ปี
(มหาเธร์ ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง)
Malaysian opposition leader Mahathir Mohamad votes in national elections that could see him take power at age 92. Screenshot image from AFPTV Live’s extensive coverage of polling day pic.twitter.com/iF9NVIUs21
— AFP news agency (@AFP) May 9, 2018
ศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นชัยชนะ ที่นายมหาเธร์ ต้องช่วงชิงมา แต่ยังเป็นการปราบศิษย์ ที่เขาปลุกปั้นมากับมือด้วย โดยประมาณปี 2542 มหาเธร์ ได้ทำให้ นายอันวาร์ อิบราฮิม ผู้นำฝ่ายค้าน ถูกจับในข้อกล่าวหา รักร่วมเพศ จนต้องออกจากตำแหน่ง

(มหาเธร์ โมฮัมหมัด ระหว่างปราศรัย ปลุกพลังสึนามิประชาชน)
มหาเธร์ เป็นผู้ผลักดัน ให้นายนาจิบ ขึ้นมาเป็น นายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจาก เขาถูกข้อกล่าวหารุนแรงเรื่องการทุจริตคอรัปชั่น โดยสื่อของมาเลเซีย รายงานว่า มีเงินจากกองทุน 1MDB (1 Malaysia Development Berhad) ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลมาเลเซีย ที่จะนำเงินไปลงทุนยังต่างประเทศ เพื่อนำเงินกลับมาให้พัฒนาเศรษฐกิจภายใน ได้ถูกโอนเข้าบัญชีของ นายนาจิบ ประมาณ 700 ล้านดอลลาร์
มหาเธร์ จึงมุ่งนโยบายในการหาเสียงว่า หากเขาได้รับเลือกตั้ง และสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ จะมีการตั้งคณะกรรมการ ขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตกองทุน 1 MDB อย่างจริงจัง รวมทั้งยกเลิก การขึ้นภาษีมูลเพิ่มที่เป็นนโยบายของรัฐบาลนายนาจิบ

(นายนาจิบ ราซัค ระหว่างลงพื้นที่หาเสียง)
ด้าน นายนาจิบ ก็ประกาศว่า จะนำพามาเลเซียให้ยิ่งใหญ่ภายใน 30 ปี ซึ่งคำว่า 30 ปีนี้ก็เหมือนเป็นการหยาม มหาเธร์ ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานที่สุดของมาเลเซีย ที่ครองตำแหน่ง และนำพามาเลเซียให้มีหน้ามีตาในอาเซียนมาถึง 22 ปี
ขณะที่ ผลสำรวจการเลือกตั้งในวันที่ 8 พฤษภาคม โค้งสุดท้ายสุดๆ จากองค์กรทำโพลล์หนึ่งในมาเลเซีย ระบุว่า พรรคอัมโน่ของนายนาจิบ จะได้ที่นั่ง ส.ส. 100 ที่นั่ง ขณะที่พรรคฝ่าย จะได้ที่นั่งรวมๆ กัน ประมาณ 83-85 ที่นั่ง แต่ยังคงเหลือ 37 ที่นั่งที่ยังเป็นปริศนา และคาดเดาไม่ได้ว่า ชาวมาเลเซียจะตัดสินใจอย่างไรมอบอนาคตไว้ที่ใคร
แต่การเลือกตั้งในมาเลเซีย ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากคนรุ่นใหม่มากนัก โดย บีบีซีไทย เปิดเผยว่า ข้อมูลจาก กกต.มาเลเซีย มีผู้ไม่ไปลงทะเบียนเลือกตั้ง 3.8 ล้านคน จากผู้มีสิทธิ์ทั้งหมด 18.7 ล้านคน โดยร้อยละ 67 ของคนจำนวนนี้ มีอายุในช่วง 21-30 ปี
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนชัยชนะของมหาเธร์ ก็อาจไม่ง่ายจริงๆ เพราะก่อนการยุบสภา เมื่อเดือนเมษายน รัฐสภามาเลเซีย เพิ่งให้การรับรองการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ ของ กกต. ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นการทำเพื่อให้ได้เปรียบของรัฐบาล เนื่องจากพรรคอัมโน่ ของนายนาจิบ เชื่อว่า ตนมีเสียงของชาวชนบท จึงได้ซอยแบ่งเขตให้มีจำนวนเขตมากขึ้น เพื่อมีที่นั่ง ส.ส.จากเขตชนบท (ชาวมลายู) โดยไม่สนใจจำนวนประชาชน
ขณะที่ในเขตเมือง ที่มีคนเชื้อชาติหลากหลาย จัดแบ่งเขตรวมเป็นเขตเดียว แม้จะมีประชากรมาก เพื่อที่ว่า แม้พรรคอัมโน่ จะได้เสียง Popular Vote ไม่ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็จะได้จำนวน ส.ส. มาเพียงพอ ที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป (ที่นั่ง ส.ส.ในรัฐสภามาเลเซีย มีทั้งหมด 222 นั่ง)
นอกจากนี้ ตลอดการหาเสียง ก็มีรายงานข่าวจากสื่อต่างๆ ออกมาว่า พบการทุจริตระหว่างการเลือกตั้ง อาทิ เมื่อมีการปราศรัย จะมีการจับฉลากชิงรางวัลรถจักรยานยนต์ หรือแม้แต่แจกเงิน ขณะที่พรรคฝ่ายค้าน ยังไม่มีข่าวเรื่องการทุจริตเลือกตั้งแต่อย่างใด
ขณะที่ การเลือกตั้งในมาเลเซียครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไทยน่าจะให้ความสนใจด้วย เนื่องจาก มาเลเซีย มีบทบาทในการประสานงาน โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึง เป็นผู้ส่งออกยางพารา, น้ำมันปาล์ม เช่นเดียวกับไทย อีกทั้งมีการค้าขาย ใช้แรงงาน และติดต่อกันอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะที่ท่าเรือปีนัง ดังนั้น หากมาเลเซียมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศ หรือนโยบายอื่นๆ เนื่องจาก ผู้นำเปลี่ยนคน ย่อมส่งผลต่อไทยไม่มากก็น้อย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง