มั่นใจ กกต.มีแรงจูงใจทางการเมือง ขู่ตัดสินไม่มีหลักฐานเตรียมดำเนินคดีกลับ

เข้าไปชี้แจงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ชี้แจงเรื่องหุ้นสื่อร่วม 4 ชั่วโมง “ธนาธร” รับบรรยากาศตึงเครียด ซักกรรมการสอบของ กกต.กลับ ว่าเอกสารใดที่ไม่น่าเชื่อถือแต่ไม่มีคำตอบ ประกาศเสียงเครียดใกล้หมดความอดทน ถ้าดำเนินคดีโดยไม่มีหลักฐาน เตรียมฟ้องกลับผู้เกี่ยวข้องทันทีที่ คสช.หมดอำนาจ ชี้รอได้กฎหมายอาญา มาตรา 157 อายุความถึง 15 ปี

วันที่ 30 เม.ย. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ให้สัมภาษณ์หลังเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาถือหุ้นสื่อจนขัดคุณสมบัติ ส.ส. กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยมี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคร่วมด้วย

นายปิยบุตร กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตตั้งแต่ประเด็นตั้งข้อกล่าวหาที่น่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดกับกระบวนการพิจารณาที่เป็นธรรม เพราะ กกต.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา โดยไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงเลย มีเพียงเอกสาร 1 ฉบับ ส่งไปที่บ้านนางสมพร แม่ของนายธนาธร ในฐานะผู้รับโอนหุ้น ให้มาชี้แจงเร่งด่วนวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นเวลาที่เป็นไปไม่ได้ และมีการอ้างที่มาว่า มาจากการไปตรวจ บอจ.5 (สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น) โดยไม่ระบุว่าตรวจวันใด แต่เห็นแล้วกลับเชื่อทันที แปลว่าเชื่อไปตามรู้ร้องกล่าวทั้งหมด ผิดหลักกฎหมายชัดเจนและเร่งรีบอย่างเห็นได้ชัด คดีอื่นตนไม่รู้ว่าเร่งรีบอย่างนี้หรือไม่ ดังนั้น นายธนาธร ในฐานะผู้เสียหายจึงสงวนสิทธิดำเนินการต่อ กกต. ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ พ.ร.ป. กกต. ที่กำหนดโทษถ้า กกต. ใช้อำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย มีโทษอาญาด้วย และถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งด้วย

บรรยากาศก่อนเข้าชี้แจง

นายธนาธร กล่าวว่า บรรยากาศในการชี้แจง มีบางช่วงเป็นไปอย่างตึงเครียด ซึ่งไม่ใช่เรื่องรายละเอียดที่ชี้แจงแต่เป็นเรื่องของหลักการที่ตนสอบถาม คณะกรรมการไต่สวนที่มี นายปรีชา นาเมืองรักษ์ เป็นประธานและมี พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ร่วมรับฟังด้วย แต่เมื่อถามไปแล้ว กกต.ก็ชี้แจงไม่ได้ว่าตนผิดตรงไหน ตอบไม่ได้ว่าเอกสารชิ้นใดไม่น่าเชื่อถือว่าการโอนหุ้นครบถ้วนสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้วเมื่อ 8 ม.ค. ไม่สามารถตอบคำถามได้เลย หลังการประชุมผมจึงเชื่อว่า คดีนี้มีมูลเหตุแรงจูงใจทางการเมือง ไม่ใช่เรื่องความเป็นธรรม ไม่ใช่เรื่องกฎหมาย

หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวด้วยว่า ประเด็นที่ทำให้ตนอารมณ์เสียมากคือ ตน รวมทั้งแกนนำ และตัวพรรคอนาคตใหม่เอง รวมกันแล้วมีถึง 16 คดี ในช่วงหนึ่งปีในการทำพรรค ซึ่งทำให้ตนเสียเวลาไปกับการสู้คดี แทนที่จะไปทำเรื่องอื่น คือ ตรวจสอบรัฐบาล ปกป้องผลประโยชน์ให้ประชาชน เช่น เรื่องที่ คสช. ใช้ มาตรา 44 เอื้อผลประโยชน์กลุ่มทุนโทรคมนาคม, การผ่าน พ.ร.บ. ท้องถิ่น ที่พยายามดึงอำนาจส่วนกลาง ให้อิสระท้องถิ่นน้อยลง หรือ การเตรียมตัวเข้าไปทำงานในสภา เพื่อเป็น ส.ส.คุณภาพ ตนจึงเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นคือการนำกฎหมายที่ไม่มีข้อเท็จมาทำลายกันทางการเมือง

บรรยากาสก่อนเข้าชี้แจง

“ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป ผมก็ต้องบอกว่าผมมีรายชื่อของว่าที่ ส.ส.พรรคอื่นไม่น้อยกว่า 30 คนที่มีคดีหุ้นเหมือนกัน ถ้าจะทำกันอย่างนี้ผมก็ต้องเอาเรื่องนี้ออกมาฟ้องบ้าง ถ้าจะทำกันอย่างนี้ผมก้ต้องฟ้องกลับบ้าง มีหลายกรณีที่คุณศรีสุวรรณ (จรรยา) เอาเรื่องเท็จมาฟ้องซึ่งผิดกฎหมาย จนถึงทุกวันนี้เรายังไม่ฟ้องกลับ มีหลายกรณีที่เรามีหลักฐานชัดเจนว่ามีสื่อหลายสำนัก เอาข้อความที่ไม่เป็นจริงแล้วทำให้เกิดความเสียหายกับผม และพรรคอนาคตใหม่มาปั่นซึ่งผิดกฎหมาย สิ่งต่างๆ เหล่านี้ผมก็ต้องบอกว่า ความอดทนของคนมีขีดจำกัด ถ้าจะดำเนินหน้ากันต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ ก็เอากันอย่างนี้ ที่ผ่านมาเรายังไม่อยากเดินไปถึงจุดนั้น อะไรที่เราเห้นว่าไม่ถูกไม่ควร อดทนอดกลั้นต่อสู้ในแนวทางที่สันติที่สุด แต่ช่องว่างระหว่างสิ่งที่เป็นอยู่ปัจจุบันกับเส้นของความอดทนมันใกล้กันเต็มทีแล้วครับ ช่องว่างนี้มันกำลังจะหมดไปแล้วครับ”

นายธนาธร กล่าวทิ้งท้ายว่า ตนขอสงวนสิทธิ์ในการปกป้องชื่อเสียงของตนเอง ถ้าใครพิจารณาคดีของตนแล้วทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง ละเมิดสิทธิ์ของตนขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการตามกฎหมายตอบโต้ แต่ตนเป็นคนใจเย็นจะรอจนกว่า คสช.หมดอำนาจ  โดยความผิดตามมาตรา 157 มีอายุความ 15 ปี เมื่อถึงตอนนั้นตนจะฟ้องดำเนินคดีกับคนที่ตัดสินคดีของตนโดยไม่มีหลักฐานที่เป็นวิทยาศาสตร์รองรับ ตนจะรอถึงวันนั้น

https://www.facebook.com/WorkpointNews/videos/812237405825690/