‘มุน แจ-อิน’ ผู้ประสานรอยร้าวประชุม ‘คิม-ทรัมป์’

นึกว่าจะล่มไม่เป็นท่าเสียแล้ว สำหรับการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่มีกำหนดการไว้ว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. นี้ ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับลำ (25 พ.ค.) บอกว่ายังพบกันตามกำหนดเดิม หลังจากเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา ได้ประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดกับเกาหลีเหนือ

ดูเหมือนว่าการลดลาวาศอกความเดือดระหว่างกันของทั้ง 2 ชาติ จะมีบุคคลหนึ่งซึ่งมีบทบาทสำคัญยิ่งในการประสานมิตรและรอยร้าวในใจของทั้งคู่ นั่นก็คือ นายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ โดยที่ผ่านมาหลังจากที่การประชุมสุดยอดสองเกาหลีเมื่อวันที่ 27 เม.ย. 61 ประสบความสำเร็จไปด้วยความชื่นมื่น และทำให้เห็นถึงสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลีกันไปแล้ว การประชุมสุดยอดคิม-ทรัมป์ก็เป็นอีกหนึ่งโต๊ะเจรจาที่สำคัญสำหรับนายมุนเช่นกัน เนื่องจากเกรงว่าหากการพบปะกันของนายคิมและนายทรัมป์ไม่เกิดขึ้นแล้ว จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีได้ ดังนั้นจึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้การประชุมในวันที่ 12 มิ.ย. เป็นไปตามแผนให้ได้

มุน แจ-อิน

มุน บินตรงสหรัฐฯ ยื้อ ทรัมป์ ไม่ยกเลิกประชุมสุดยอด 

ก่อนหน้านี้ (22 พ.ค. 61) นายมุน แจ-อิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ลงทุนบินตรงยังกรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อยื้อไม่ให้การประชุมสุดยอดระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ ต้องถูกยกเลิกไป หลังจากเกาหลีเหนือขู่จะล้มการประชุมครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างนายคิมกับนายทรัมป์ เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกบีบบังคับให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์เพียงฝ่ายเดียว รวมทั้งการซ้อมรบทางอากาศ ‘แม็กซ์ ธันเดอร์’ ระหว่างสหรัฐฯ กับเกาหลีใต้ ซึ่งรัฐบาลเปียงยางมองว่าเป็นการยั่วยุ โดยมุ่งหมายกดดันเกาหลีเหนือ

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดีทรัมป์ระบุว่า ควรใช้แนวทางแก้ปัญหานิวเคลียร์เกาหลีเหนือด้วย ‘ลิเบีย โมเดล’

ซึ่งในวันนั้นที่นายมุน ผู้นำเกาหลีใต้ได้พบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้านนายทรัมป์เองก็มีทีท่าแข็งกร้าวแต่ก็ไม่หนักหนาสาหัสนัก โดยเปิดเผยว่าการประชุมสุดยอดอาจต้องถูกยกเลิกแต่ก็อาจเกิดขึ้นได้ในภายหลัง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือ ปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นรูปธรรม

ทรัมป์ ฉุนหนัก เกาหลีเหนือ ประกาศยุติการพบปะผู้นำ 2 ชาติ 

จนเมื่อวันที่ 24 พ.ค. ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ออกหนังสือประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดกับเกาหลีเหนือในวันที่ 12 มิ.ย. 61 ที่สิงคโปร์ โดยให้เหตุผลว่าเป็นช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากไม่พอใจรัฐบาลเปียงยางออกแถลงการณ์ประณามนายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า โง่เขลาและไร้การศึกษา

หลังจากรองประธานาธิบดีเพนซ์ได้แสดงความเห็นว่า นายคิม จอง-อึน จะมีจุดจุบเดียวกับ พ.อ.มูอัมมาร์ กัดดาฟี อดีตผู้นำลิเบียผู้ล่วงลับ หากเกาหลีเหนือไม่สามารถตกลงเจรจากับสหรัฐฯ ได้

ทรัมป์ พอใจ เกาหลีเหนือ จัดประชุมคิม-ทรัมป์ต่อไป

วันที่ 25 พ.ค. ที่ผ่านมา นายคิม คเย-กวาน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ออกแถลงการณ์ถึงการยกเลิกการพบกันของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ประธานาธิบดี ทรัมป์ ยกเลิกการประชุมสุดยอดกับเกาหลีเหนือ ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 12 มิ.ย. นี้

พร้อมเปิดเผยว่า ทางรัฐบาลเปียงยางยังยินดีที่จะพูดคุยกับสหรัฐฯ ทุกเวลาและทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังระบุว่า ท่านผู้นำคิมกำลังอยู่ระหว่างเตรียมการให้การประชุมสุดยอดกับผู้นำสหรัฐอเมริกาเดินหน้าต่อไป โดยผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือยังกล่าวด้วยว่า การประชุมกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะสร้างจุดเริ่มต้นที่ดี และท่านผู้นำคิมก็กำลังทุ่มเทเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมในไม่อีกกี่วันข้างหน้า

นั่นแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือเองไม่ได้ต้องการจะล้มเลิกการประชุมตามที่ขู่ไว้ แต่อาจเป็นเพียงสงครามน้ำลายที่ทั้งสองชาตินี้จะกระทำกันอยู่บ่อยครั้ง อย่างเช่นตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา และที่สำคัญในวันเดียวกัน (25 พ.ค.) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้เกิดความพอใจต่อคำแถลงของ รมช.ต่างประเทศเกาหลีเหนือ จนกลับคำบอกว่าการประชุมสุดยอดคิม-ทรัมป์ จะดำเนินต่อไปเช่นเดิม

มุน พบ คิม รอบสอง

นักประสานมิตรอย่างประธานาธิบดีมุนแห่งเกาหลีใต้ เดินทางพบปะกับนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 61 ณ อาคารปันมุนกัค (Panmungak) บริเวณเขตปลอดทหารฝั่งเกาหลีเหนือ โดยหวังจะเชื่อมมิตรและสร้างสันติภาพระหว่างเกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีมุนเองก็คงใจหายใจคว่ำ ที่ก่อนหน้านี้นายทรัมป์ได้ประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอด และกลับลำมาสู่แผนเจรจาที่ได้ตั้งไว้ในอีก 1 วันต่อมา ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่านายมุนจะต่อสายตรงส่งอีเมล์ไปแล้วกี่ครั้ง เพื่อประนอมอารมณ์รัฐบาลวอชิงตันกับรัฐบาลเปียงยาง

และเมื่อวันที่ 27 พ.ค. ที่ผ่านมา นายมุนได้ออกมาเปิดเผยว่า ผู้นำเกาหลีเหนือยังมีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมประชุมสุดยอดกับนายทรัมป์ และหมายมุ่งที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง เพื่อยุติความตึงเครียดและการเผชิญหน้าต่อกัน ซึ่งนายคิมหวังจะสร้างสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองระหว่างกัน

ทั้งนี้ อย่าเพิ่งมั่นใจเต็มร้อยเด็ดขาด ! สำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำเกาหลีเหนือ-สหรัฐฯ เนื่องจากยังเอาแน่เอานอนอะไรมิได้ จนกว่าจะถึงวันนั้น (12 มิ.ย.) แล้วค่อยตัดสินกันว่าทิศทางความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะออกมาเป็นเช่นไร