วิกฤตPM2.5 เชียงรายลุกลาม! ม.แม่ฟ้าหลวงปิด 2 วัน-วอนรัฐเร่งแก้ไข

มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เวลา 11.32 น. (31 มี.ค. 62)
จากคุณพวงผกา ธรรมธิ

อาจารย์มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง เผย ปัญหา PM 2.5 ในภาคเหนือเกิดจากการเผาในที่โล่งเป็นหลัก เรียกร้องภาครัฐเร่งแจกหน้ากากอนามัยให้ประชาชนอย่างทั่วถึง พร้อมขอความร่วมมือประเทศในภูมิภาคอาเซียน ลดจุดความร้อนอย่างจริงจัง 

วันที่ 31 มี.ค. ดร.วิวัฒน์ แก้วดวงเล็ก อาจารย์ประจำสาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ถึงสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในพื้นที่ ซึ่งล่าสุด มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงต้องงดการเรียนการสอนในวันที่ 1-2 เม.ย. ว่า

ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันและPM 2.5 ในจังหวัดเชียงรายขณะนี้เริ่มเข้าขั้นวิกฤตแล้ว โดยดูจากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษร่วมกับการวิเคราะห์ของสาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง พบว่า แนวโน้มฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้นจนมีผลกระทบต่อสุขภาพ เป็นเขตสีแดง โดยตั้งแต่วันที่ 25 – 31 มี.ค. มีค่ามากกว่า 200 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร เกินค่ามาตรฐาน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แต่ที่มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ซึ่งอยู่ห่างจาก อ.แม่สาย 35 กิโลเมตร มีค่า PM 2.5 อยู่ 352 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ถือว่าวิกฤตที่สุดเท่าที่เคยสัมผัสมาเลย

ขณะนี้สุขภาพของนักศึกษา ประชาชนเป็นอย่างไรบ้าง?

ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า นักศึกษาเริ่มมีอาการไอ ภูมิแพ้ น้ำมูก น้ำตาไหล ปวดศีรษะ เป็นไข้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ผลกระทบจากฝุ่น PM 2.5 มีผลกับระบบทางเดินหายใจ ซึ่งถ้าฝุ่นละอองเหล่านี้มีอนุภาคของกรดด้วย จะทำให้เกิดการระคายเคืองในอวัยวะ ระบบทางเดินหายใจ  ส่วนหญิงมีครรภ์ก็จะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กในครรภ์ด้วย

(ภาพถ่ายที่นักศึกษาส่งให้ ดร.วิวัฒน์ แก้วดวงเล็ก)

สาเหตุของ PM 2.5 ในภาคเหนือแตกต่างจากที่เกิดในกรุงเทพฯ อย่างไร?

ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า PM 2.5 ในภาคเหนือ เท่าที่ได้ทำตรวจวิเคราะห์ด้วยการใช้เครื่องมือของเรา ประกอบกับจุดความร้อน Hotspot พบว่า ปัญหาหมอกควันหรือฝุ่นละอองภาคเหนือโดยส่วนใหญ่ จะเกิดจากการ “เผาในที่โล่งแจ้ง” เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการเผาเศษวัสดุทางการเกษตร หรือการเผาเพื่อหาของป่า หรือเผาพื้นที่เพื่อเตรียมการเพาะปลูก หรือเผาขยะมูลฝอยของประชาชน ไม่ได้เกิดจากการคมนาคมขนส่ง เนื่องจากปริมาณรถยนต์มีไม่มาก

จังหวัดเชียงรายเริ่มมีช่วงห้ามเผา ตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนของทุกปี และมีการกำหนดจัดโซนให้แต่ละหมู่บ้านทยอยเผา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สภาพภูมิอากาศไม่นิ่ง ก็จะไม่ให้ก่อเกิดมลพิษเท่ากับการเผาในช่วงหน้าร้อน พร้อมเข้าได้เข้าไปให้ความรู้ชาวบ้านและกลุ่มชาติพันธุ์ เพราะเราไม่สามารถห้ามการเผาวัสดุทางการเกษตรได้ เนื่องจากพื้นที่เชียงรายยังเป็นพื้นที่สูง และการจะปรับพฤติกรรมของชาวบ้านยังต้องอาศัยเวลา

โดยส่วนตัวคิดว่า สิ่งที่ทางจังหวัดจะต้องทำโดยเร่งด่วนคือ การกระจายอุปกรณ์ในการป้องกันฝุ่นละออง ไม่ว่าจะเป็นหน้ากากอนามัย หรือหน้ากาก N95 อย่างทั่วถึงเพราะว่าตอนนี้ยังมีประชาชนบางคนยังไม่ได้สวมหน้ากากอนามัย อาจจะยังเข้าถึงไม่ได้ด้วยราคา ซึ่งเป็นการแก้ไขในระยะสั้น โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายกำลังเร่งประชุมทุกอำเภอป้องกันจุดความร้อน

“พื้นที่ภาคเหนือมีบริเวณที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยปัญหาหมอกควันเป็นปัญหาระดับภูมิภาค การแก้ปัญหาโดยระยะยาวควรมีการบูรณาการหรือร่วมมือกันของประเทศในภูมิภาคอาเซียน”

เห็นว่าล่าสุดมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง ต้องสั่งงดการเรียน-การสอน วันที่ 1-2 เม.ย.?

ดร.วิวัฒน์ กล่าวว่า ใช่ครับ และเรามีบริการแจกหน้ากากอนามัย พร้อมดูแลผู้ได้รับผลกระทบPM 2.5 ที่โรงพยาบาลศูนย์การแพทย์ มหาวิทยาลัยฟ้าหลวง นอกจากนี้สาขาอนามัยสิ่งแวดล้อม สำนักวิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพ ได้ร่วมกับสำนักวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนาแอปพลิเคชันตรวจวิเคราะห์คุณภาพ PM 2.5 เพื่อการรายงานสถานการณ์เรียลไทม์ตามมาตรฐานสากลให้นักศึกษาและบุคลากรให้รับทราบ พร้อมจัด Clean Zone มีเครื่องฟอกอากาศให้เข้าไปใช้บริการ พร้อมฉีดสเปรย์น้ำ ซึ่งถ้าสถานการณ์ยังไม่ดีอาจพิจารณางดการเรียนการสอนต่อไปอีก