ยลโฉม รถไฟฟ้าสายสีชมพู เปิดทดสอบวิ่งครั้งแรก นำเข้าจากจีน ถึงไทยแล้ว 13 ขบวน

รฟม. ทดสอบเดินรถไฟฟ้าโมโนเรล สายสีชมพู “MRT PINK LINE” ช่วงแคราย – มีนบุรี เป็นครั้งแรก หลังจากนำเข้าจากจีนมาแล้ว 13 ขบวน จากทั้งหมด 42 ขบวน คาดว่าปีหน้าจะส่งมอบได้ครบทั้งหมด พร้อมอัปเดตการก่อสร้างเส้นทาง คืบหน้าแล้ว 84.45% 

วันนี้ (9 ธันวาคม 2564) รฟม. ได้เผยภาพการทดสอบเดินรถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู โดยใช้ขบวนที่จะให้บริการจริง เพื่อตรวจสอบความเข้ากันได้ของโครงสร้างงานโยธากับขบวนรถไฟฟ้าและระบบจ่ายไฟฟ้า โดยใช้ความเร็วในการทดสอบไม่เกิน 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

โดยเริ่มต้นจากศูนย์ซ่อมบำรุง (Depot) ผ่านไปยังสถานีมีนบุรี (PK30) ผ่านสถานีตลาดมีนบุรี (PK29) สถานีเศรษบุตรบำเพ็ญ (PK28) และสถานีบางชัน (PK27) รวมระยะทางประมาณ 4.45 กิโลเมตร และต่อจากนี้จะทำการทดสอบเดินรถอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่ได้เริ่มทดสอบเดินรถไปแล้วก่อนหน้านี้

สำหรับตัวขบวนรถไฟฟ้าโมโนเรลนี้ เป็นรุ่นอินโนวา โมโนเรล 300 จากประเทศแคนนาดา โดยเป็นเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติไร้คนขับ ยี่ห้อ Bombardier โดยบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ปู่เซิน บอมบาร์ดิเอร์ เป็นผู้ควบคุมการผลิตจากโรงงานในเขตพัฒนาเศรษฐกิจอู่หู ประเทศจีน โดยเริ่มส่งมอบรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูให้แก่ประเทศไทยมาตั้งแต่ช่วงกันยายน ปีที่แล้ว 

จากข้อมูลของ รฟม. ระบุว่าได้นำเข้าขบวนรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) จำนวน 42 ขบวน ปัจจุบันมาถึงไทยแล้ว 13 ขบวน คาดจะส่งมอบให้ได้ทั้งหมดช่วงประมาณกลางปี 2565 นี้

รถไฟฟ้าโมโนเรลสายสีชมพู เป็นรถไฟฟ้าปรับอากาศ ใช้ไฟฟ้ากระแสตรง 750 โวลต์ ประกอบด้วยตู้โดยสารจำนวน 4 ตู้ มีความกว้าง 3.16 เมตร สูงประมาณ 4 เมตร ห้องโดยสารมีขนาดกว้าง พร้อมหน้าต่างรับวิวภายนอก รองรับผู้ใช้บริการ 17,000 คนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง  อีกทั้งยังสามารถเพิ่มตู้โดยสารได้มากถึง 7 ตู้ต่อขบวน

ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกเป็นสีขาวตัดกับสีชมพู ให้ความสดใส และมีรูปทรงที่ทันสมัย ดูโฉบเฉี่ยว ด้านความเร็วสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  

ทั้งนี้ รฟม.ได้อัปเดตการก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายน 2564 แบ่งเป็นงานโยธา 84.45% งานระบบรถไฟฟ้า 80.62% ความก้าวหน้าโดยรวม 82.96% 

เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีชมพู มีระยะทาง 34.5 กม. รวม 30 สถานี วงเงินลงทุน 53,490 ล้านบาท คาดว่าน่าจะสามารถเปิดให้บริการประชาชนได้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 

ที่มา :

www.facebook.com/MRTA.PR