รถตู้ขนแรงงานกัมพูชากลับบ้าน เสียหลักเจ็บ 20 เด็กทารกดับคาที่

ประเด็นคือ- รถตู้ ตม. นำแรงงานกัมพูชา ส่งกลับ ตกข้างทางเจ็บ 21 คน เด็กน้อยวัย 7 วัน กระเด็นออกนอกตัวรถ ดับคาที่

เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (15 ต.ค. 60) ร.ต.ท.สมยงค์ บานเย็น รอง สว.สส.สภ.กุยบุรี รับแจ้งว่า มีอุบัติเหตุรถตู้ตกข้างทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน บนถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้า ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 279 ถึง 280 บ้านจวนบน ต.กุยบุรี อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ จึงรุดไปที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิหลวงพ่อในกุฏิวัดกุยบุรี

พบรถตู้นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน มข 1420 นราธิวาส ตกอยู่ข้างทาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟจนหัก และชนกับกำแพงบ้านที่อยู่ข้างทาง พังเสียหาย ส่วนตัวรถได้พุ่งไปชนต้นไม้ สภาพตัวรถพังเสียหายเกือบรอบคัน

ผู้โดยสารภายในรถพยายามตะเกียกตะกายออกมาจากรถ และมี 2 รายที่ไม่สามารถออกมาได้ รายแรกเป็นคนขับ ทราบชื่อคือ นายสอแระ สือนิ อายุ 47 ปี อีกรายเป็นหญิงชาวกัมพูชา  ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยและกู้ชีพโรงพยาบาลกุยบุรี ได้เร่งช่วยคนเจ็บออกมาจากรถและนำทั้งหมดส่งโรงพยาบาลกุยบุรี

นับรวมคนทั้งหมดที่โดยสารมากับรถคันดังกล่าว 22 คน แบ่งเป็นผู้ใหญ่ 17 คน เด็ก 5 คน  โดยในจำนวนของเด็กนี้ มีเด็กชายวัยเพียง 7 วัน กระเด็นออกมานอกรถ เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 คน ส่วนหญิงกัมพูชาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เป็นมารดาของเด็กคนดังกล่าว และยังมีหญิงชาวกัมพูชาอีกคนซึ่งท้องอยู่ได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกปวดท้องรุนแรง ทางแพทย์ต้องเร่งนำเข้าตรวจเป็นการด่วน ส่วนคนอื่นได้ได้รับบาดเจ็บแต่ไม่ถึงกับสาหัส

สอบถามนายยารูซาเล็ม สะมะแอ อายุ 46 ปี ที่มากับรถคันดังกล่าวให้การว่า ตนเองเป็นคนขับที่ 2 โดยมีนายสอแระ สือนิ เป็นคนขับที่ 1 เดินทางมาจากด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.นราธิวาส เพื่อนำชาวกัมพูชาจำนวน 19 คน รวมเด็ก ไปส่งยังด่านตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว โดยมี ด.ต.ซอและ สาระกาสม ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองนราธิวาส เป็นผู้ควบคุมมา  ซึ่งตนเองได้เปลี่ยนให้นายสอแระขับรถต่อจากตนที่ จ.ชุมพร จากนั้นตนเองก็นั่งหลับมา จนมารู้สึกตัวอีกครั้งก็เมื่อได้ยินเสียงดังสนั่นของรถชนกับเสาไฟและกำแพงบ้าน สั่นสะเทือนทั้งคัน ตนเองก็ยังมึนกับเหตุการณ์ ไม่ทราบว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้อย่างไร

ส่วนทางด้าน ด.ต.ซอแระ สาระกาสม ได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก แต่ไม่ถึงกับสาหัส ยังไม่ได้ให้การใดๆ ได้แต่พยายามติดต่อไปยังผู้บังคับบัญชาของตนอยู่ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบสวนทั้งหมดอีกครั้ง หลังจากแพทย์ได้ทำการรักษาแล้วต่อไป