จับเครือข่ายชาวม้งขนยาเสพติดกว่า 2.1 ล้านเม็ด ซุกรถกระบะ ลอบขนจากเมียนมา มุ่งหน้าส่งลูกค้าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา รอจังหวะหยุดยาวปีใหม่ขนฝ่าด่าน เผยภาคเหนือ 2 เดือน ยึดแล้วกว่า 89 ล้านเม็ด
วันที่ 11 พ.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กองบัญชาการตำรวจปราบยาเสพติดส่วนหน้า จ.เชียงใหม่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวการจับกุมยาเสพติด โดยสามารถยึดของกลางยาบ้า จำนวน 2,100,000 เม็ด และรถรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียน 1 ฒว 7407 กรุงเทพมหานคร ที่ใช้ในการขนยาบ้า รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน บบ 4685 พะเยา ซึ่งเป็นรถนำและสำรวจเส้นทาง และรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีขาว ทะเบียน บบ 503 พะเยา ซึ่งเป็นรถคุ้มกันปิดท้ายขบวน
การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่าจะมีการลักลอบขนยาบ้าจากชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ตรงข้าม จ.เชียงราย เพื่อลำเลียงส่งไปให้ลูกค้าที่ จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 5 ล้านเม็ด โดยสืบทราบว่าจะมีเครือข่ายชาวเขาเผ่าม้งเป็นผู้ขนลำเลียง เจ้าหน้าที่จึงเฝ้าติดตามพฤติกรรมมานานกว่า 3 เดือน
กระทั่งทราบว่า จะมีการใช้เส้นทางทั้งถนนสายหลัก และสายรองเพื่อหลบเลี่ยงด่านตรวจ โดยจะมีรถนำ รถขนลำเลียง และ รถคุ้มกันปิดท้าย เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามรถกระบะเป้าหมาย จำนวน 3 คัน ที่ลำเลียงยาเสพติดมาจากชายแดน จ.เชียงราย มาถึงถนนทางเข้าทุ่งนา บ้านสองแคว หมู่ 5 ต.ยกกระบัตร อ.สามเงา จ.ตาก จึงเข้าสกัดกั้นเพื่อตรวจค้น แต่กลุ่มผู้ต้องหาไหวตัวทันขับรถหลบหนีและทิ้งรถไว้ แต่เจ้าหน้าที่สามารถติดตามและจับกุมไว้ได้ 3 คน คือ นายมังกร พิศุศิริกุล อายุ 31 ปี นายอนุสรณ์ แซ่ย่าง อายุ 27 ปี และ นายสัว แซ่ย่าง อายุ 41 ปี และ จากการตรวจค้นภายในรถกระบะ หมายเลขทะเบียน 1 ฒว 7407 กรุงเทพมหานคร พบยาบ้าวางอยู่บริเวณแคปด้านหลัง บรรจุในถุงกระสอบจำนวน 1,050 มัด รวมทั้งสิ้น 2,100,000 เม็ด
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) หรือยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” ก่อนจะขยายผลติดตามจับกุมเครือข่ายที่เหลือซึ่งทิ้งรถกระบะไว้แล้วหลบหนีไป รวมทั้งจะขยายผลติดตามยึดทรัพย์ที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดต่อไป
ขณะที่ พล.ต.ต.ภานุเดช บุญเรือง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ระบุว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมาทางตำรวจภาค 5 ได้มีการจับกุมยาบ้าได้ทั้งหมด 89 ล้านเม็ด และ มีการจับกุมบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 44 ล้านเม็ด ซึ่งจะสังเกตได้ว่าปัจจุบันเครือข่ายยาเสพติดได้มีการพัฒนารูปแบบการขน โดยจะลักลอบขนส่งผ่านเครือข่ายโลจิสติกส์