รวมพลังประชาชาติไทย ไม่ขอเสนอชื่อนายกฯ ในบัญชีพรรค

รวมพลังประชาชาติไทย ออกแถลงการณ์ไม่เสนอชื่อนายกฯ ในบัญชีพรรค ระบุยอมรับเสียงไม่พอที่จะผลักดันให้เป็นนายกฯ ได้จริงและอ้างไม่ต้องการเพิ่มเงื่อนไขความขัดแย้งหลังการเลือกตั้ง

วันที่ 30 ม.ค. ทีมโฆษกพรรครวมพลังประชาชาติไทย ได้ออกแถลงการณ์จุดยืนของพรรค ในการเสนอชื่อบุคคลในบัญชีนายกรัฐมนตรีของพรรคว่า พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีมติไม่ขอเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี และไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขให้เกิดความขัดแย้งหลังการเลือกตั้ง โดยข้อความในแถลงการณ์ระบุว่า

ภาพ : พรรครวมพลังประชาชาติไทย

“ทางพรรคมีมติไม่ขอเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี เพราะทางพรรคทราบดีว่าเราไม่ใช่พรรคที่จะมีคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง​หรือมากพอที่จะสามารถผลักดันให้รายชื่อนายกรัฐมนตรีที่พรรคเสนอนั้นขึ้นมาเป็นนายกได้ พรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงไม่ต้องการสร้างเงื่อนไขใดๆ ที่จะเพิ่มโอกาสให้เกิดความขัดแย้งเเละความวุ่นวายภายหลังการเลือกตั้ง แต่ขอเลือกที่จะมุ่งมั่นและให้ความสำคัญกับปัญหาของพี่น้องประชาชน และต้องการเรียกร้องให้ทุกพรรคทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือร่วมใจกันพาประเทศเดินหน้าต่อไป”

ทั้งนี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำคนสำคัญของพรรค เคยให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า พรรคจะไม่เสนอชื่อบุคคลในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรค

สำหรับรัฐธรรมนูญ 2560 กำหนดที่มาของนายกรัฐมนตรี โดยให้พรรคการเมืองส่งรายชื่อบุคคลที่จะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่เกินสามรายชื่อ ในช่วงของการรับสมัคร ส.ส.โดยไม่ได้กำหนดคุณสมบัติว่าต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่

ผู้ที่จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องเข้าสู่กระบวนการลงคะแนนของ ส.ส. 500 คน รวมกับ วุฒิสภา (ส.ว.) ที่ คสช.แต่งตั้งอีก 250 คน ตามบทเฉพาะกาล โดยมีข้อกำหนดปลีกย่อย คือ จะต้องมาจากพรรคการเมืองที่มีเสียงในสภาผู้แทนราษฎร ไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 คือ มาจากบัญชีของพรรคที่มี ส.ส.อย่างน้อย 25 คน (เท่ากับต้องผ่านด่านได้รับความเห็นชอบจากประชาชนผ่านจำนวน ส.ส.ของพรรคก่อน) และการเสนอชื่อเข้าสู่การโหวต ต้องมีสมาชิกไม่น้อยกว่าหนึ่งในสิบของสภาผู้แทนราษฎร (50 คน) รับรอง

ส่วนผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรีต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของ ส.ส.และ ส.ว.รวมกัน คือ 376 เสียง จาก 750 เสียง ( ส.ส.500+ส.ว.250)