ระวัง ! ไข้เลือดออกระบาดหนัก เสียชีวิตแล้ว 16 ราย

เตือนไข้เลือดออกระบาดหนัก ทั่วประเทศเสียชีวิตแล้ว 16 ราย ส่วนที่อีสานใต้พบผู้ป่วยกว่า 551 ราย เสียชีวิตแล้ว 3 ราย แพทย์ชี้ผู้มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงสูง

วันที่ 31 พ.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ดนัย เจียรกูล ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 จ.อุบลราชธานี (สคร.10) กล่าวว่า หลังพบมีการระบาดของโรคไข้เลือดออก นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กำชับให้ติดสถานการณ์โรคไข้เลือดออกของปีนี้อย่างใกล้ชิด เพราะคาดว่าจะมีการระบาดมากกว่าปกติ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนและมีฝนตกในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง จึงมีการเปิดศูนย์ให้ติดตามสถานการณ์ และควบคุมการระบาดได้ทันที

ซึ่งข้อมูลจากสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 23 พ.ค. 61 พบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกทั่วประเทศแล้ว 11,704 ราย เสียชีวิต 16 ราย ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ ภาวะอ้วน เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

สำหรับในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 10 ในพื้นที่ 5 จังหวัด อีสานตอนล่าง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึงวันที่ 14 พ.ค. ปีนี้ มีผู้ป่วยสะสม จำนวน 551 ราย เสียชีวิตแล้ว 3 ราย โดยเป็นชาว จ.อุบลราชธานี อายุระหว่าง 8-12 ปี แบ่งเป็นชาย 2 หญิง 1 คน ส่วนอัตราการป่วยเป็นเพศชายมากกว่าผู้หญิง มีอายุระหว่าง 10-14 ปี และเป็นผู้เสียชีวิตในเดือน พ.ค. ถึง 2 ราย

จึงขอแนะนำให้ผู้มีโรคประจำตัว ได้แก่ ภาวะอ้วน เบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือด ป้องกันตนเองไม่ให้ถูกยุงกัด โดยยึดหลัก “3 เก็บ ป้องกัน 3 โรค” คือ 1.เก็บบ้านให้สะอาด ไม่ให้มีมุมอับทึบเป็นที่เกาะพักของยุง 2.เก็บขยะ เศษภาชนะไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง และ 3.เก็บน้ำ ภาชนะใส่น้ำต้องปิดฝาให้มิดชิดป้องกันไม่ให้ยุงลายวางไข่

โดยวิธีการนี้ จะสามารถป้องกันได้ถึง 3 โรค คือ 1.โรคไข้เลือดออก 2.โรคติดเชื้อไวรัสซิกา 3.ไข้ปวดข้อยุงลาย หากมีอาการไข้สูงมากโดยฉับพลัน ปวดเมื่อย หน้าตาแดง อาจมีผื่นขึ้นใต้ผิวหนังตามแขนขา ข้อพับ โดยถ้ามีไข้สูง 2-3 วัน ไม่หายหรือไม่ดีขึ้น ต้องรีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการวินิจฉัย เพราะหากเข้ามารับการรักษาช้า เป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีโรคแทรกซ้อนและทำให้เสียชีวิตได้ หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422