“แม่หลวงกุ้ง” อดีตผู้ใหญ่บ้านสาวสวยสุดในประเทศ ร้องตำรวจสืบสวนภูธรภาค 5 ล่ามือดีปล่อยคลิปโป๊ว่อนโซเชียล ทำให้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเองจนเสื่อมเสียชื่อเสียง พร้อมแจ้งความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
วันที่ 27 ก.ย. 61 ที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จังหวัดเชียงใหม่ นางสาวสุพัตรวี อยู่แพทย์ อายุ 39 ปี หรือ “แม่หลวงกุ้ง” อดีตผู้ใหญ่บ้านสาวในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเคยได้รับการยกให้เป็น ผู้ใหญ่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศไทย นำหลักฐานเดินทางเข้าพบ พันตำรวจเอกธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อร้องทุกข์
กรณีที่มีผู้ไม่หวังดีนำคลิปวิดีโอลามกไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย และระบุว่าผู้หญิงในคลิปดังกล่าวที่กำลังมีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายเป็นตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่เป็นความจริง ซึ่งสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงและอับอายให้กับตัวเองเป็นอย่างมาก โดยร้องขอทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สืบสวนติดตามตัวผู้ไม่หวังดีดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ทั้งนี้เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับที่ทำการสืบสวนให้ แต่ให้ “แม่หลวงกุ้ง” ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีที่สถานีตำรวจภูธรสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นท้องที่ทราบเรื่องและเปิดดูคลิปวิดีโอดังกล่าว
“แม่หลวงกุ้ง” เปิดเผยว่า นำเข้าร้องทุกข์ที่ตำรวจภูธรภาค 5 เนื่องจากมีผู้ไม่หวังดีนำคลิปวีดีโอลามกไปเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียอย่างแพร่หลาย โดยมีการนำชื่อและภาพของตัวเองในชุดผู้ใหญ่บ้านที่เคยออกอากาศทางทีวีช่องหนึ่งมาประกอบด้วย จนทำให้คนที่เห็นคลิปวิดีโอดังกล่าวเข้าใจและปักใจเชื่อ ว่าผู้หญิงในคลิปดังกล่าวเป็นตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกลุ่มคนที่ไม่เคยเห็นคลิปดังกล่าว แต่ได้รับการบอกเล่าและหลงเชื่อ ซึ่งทำให้ตัวเองถูกเข้าใจผิดและได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงเป็นอย่างมาก
รวมทั้งยังเป็นการไม่เคารพชุดเครื่องแบบข้าราชการที่ตัวเองสวมใส่ด้วย จึงอยากจะร้องขอทางเจ้าหน้าที่ ตำรวจให้สืบสวนติดตามผู้ไม่หวังดีดังกล่าวมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งชี้แจงและยืนยันด้วยว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงในคลิปและไม่เคยถ่ายภาพหรือคลิปแบบนี้
ขณะที่ พันตำรวจเอกธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย รองผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 เปิดเผยว่า เบื้องต้นรับเรื่องไว้และให้ “แม่หลวงกุ้ง” ไปแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่สถานีตำรวจภูธรสันกำแพง ซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุ โดยในส่วนของการสืบสวนนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนตำรวจภูธรภาค 5 จะได้เริ่มต้นดำเนินการทันทีเพื่อหาต้นตอของผู้ที่เผยแพร่คลิป ซึ่งหากยังมีการเผยแพร่อยู่ก็ถือว่ามีความผิด พร้อมกันนี้ขอแจ้งเตือนประชาชนที่ได้รับคลิปวิดีโอดังกล่าวให้หยุดเผยแพร่คลิปวิดีโอดังกล่าวด้วย เพราะถือว่ามีความผิดเช่นกัน