ลงทุนหุ้นเด่นใน 11 อุตสาหกรรมทั่วโลก ผ่านกองทุน ONE-ELITE11

บลจ.วรรณ ปรับกลยุทธ์ใหม่กระจายลงทุนเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะข้างหน้าพร้อมจับจังหวะช่วงตลาดขาขึ้น หลังตลาดหุ้นโลกฟื้นตัวขึ้นหลังความกังวลด้านสงครามการค้ามีส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้น กองทุนเปิด วรรณ อีลีท 11 (ONE-ELITE11)

ลงทุนหุ้นรายตัวในสัดส่วนที่ใกล้เคียง (Full replication) กับดัชนีอ้างอิง Bloomberg Global Industry Elite 55 Index กระจายการลงทุนใน 11 อุตสาหกรรมทั่วโลก เฟ้นหาบริษัทที่โดดเด่นที่สุด 5 อันดับแรก ในแต่ละอุตสาหกรรม รวมทั้งหมด 55 หลักทรัพย์ เปิดเสนอขาย 13 – 21 พ.ค. 68

‘พจน์ หะริณสุต’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนวรรณ จำกัด(บลจ.วรรณ) เปิดเผยว่า ตลาดทั่วโลกมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น จากการเจรจาการค้าที่มีทิศทางคลี่คลาย หลังสหรัฐฯ และจีนได้บรรลุข้อตกลงปรับลดอัตราภาษีศุลกากรฝ่ายละ 115% เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้อัตราภาษีของสหรัฐฯ ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีน ลดลงสู่ระดับ 30% จากเดิมที่ 145% และอัตราภาษีของจีนที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลงสู่ระดับ 10% จากเดิมที่ 125% อาจเปิดทางสู่การเจรจากับคู่ค้าสำคัญอื่นๆ

แนวโน้มสงครามการค้าที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลงช่วยลดแรงกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียนในระยะถัดไป เป็นผลบวกต่อการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง

บลจ.วรรณ ขอเสนอ กองทุนเปิด วรรณ อีลีท 11 (ONE-ELITE11) ลงทุนในหุ้นโดยมีสัดส่วนหรือน้ำหนักใกล้เคียงกับดัชนีอ้างอิง Bloomberg Global Industry Elite 55 Index  ซึ่งกระจายการลงทุนใน 11 อุตสาหกรรมทั่วโลก โดยจะคัดเลือกบริษัทที่โดดเด่นที่สุด 5 อันดับแรกของแต่ละอุตสาหกรรม รวมทั้งหมด 55 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าราคาตลาดสูงและมีความสามารถในการทำกำไรที่แข็งแกร่ง

ใช้ปัจจัยด้าน Momentum ในการให้น้ำหนักการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรม ช่วยจับจังหวะการลงทุนในช่วงตลาดขาขี้น กระจายการลงทุนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม พร้อมตั้งรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนที่รวดเร็ว

จากสถิติในอดีตชี้ว่า หุ้นที่มีปัจจัยด้าน Momentum ช่วยสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยต่อปี (Annualized return) และมีอัตราผลตอบแทนต่อความเสี่ยง (Sharpe Ratio) ที่โดดเด่นที่สุดเมื่อเทียบกับการลงทุนตลาดหุ้นโลกทั่วไป และหุ้นปัจจัยด้านอื่นๆ เช่น ปัจจัยด้านการเติบโต (Growth) ด้านคุณภาพ (Quality) และด้านคุณค่า (Value)

ดัชนีอ้างอิง Bloomberg Global Industry Elite 55 Index สร้างผลตอบแทนระยะยาวได้อย่างโดดเด่นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 17.97% ต่อปี ชนะดัชนี S&P500 และ World ราว 15.58% และ 14.50% ต่อปี (ข้อมูล ณ 30 เม.ย. 68) นอกจากนี้ มีโอกาสสูงที่ราว 88% ในการสร้างผลตอบแทนเป็นบวกในการลงทุนระยะเวลา 1 ปี และมีโอกาส 99% ที่สร้างผลตอบแทนเป็นบวกในการลงทุนระยะเวลา 3 ปี จากการทดสอบข้อมูลในอดีต (Back Test) ตั้งแต่ปี 2008

ONE-ELITE11 เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การลงทุนช่วงตลาดขาขึ้น พร้อมเฟ้นหาหุ้นดาวรุ่งที่มีราคาตลาดปรับตัวขึ้นแรงอย่างมีคุณภาพในทุกอุตสาหกรรม เปรียบเสมือนการสร้างทีมฟุตบอล ALL STAR ซึ่งรวมหุ้นดาวเด่นจากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และมีการปรับน้ำหนักการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรม (Sector Tilt) โดยจัดอันดับกลุ่มอุตสาหกรรมทั้ง 11 กลุ่มจากผลตอบแทนต่อค่าความผันผวนในช่วง 90 วันย้อนหลัง (Risk adjusted momentum tilt factor)

ซึ่งจะช่วยสะท้อน Momentum ของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในแต่ละช่วง กลุ่มอุตสาหกรรมที่มี Momentum โดดเด่นสูงสุด 3 อันดับแรก จะมีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนเพิ่มขึ้นเท่าตัว เสมือนเป็นกองหน้าของทีม ขณะที่กลุ่มอุตสาหกรรมที่มี Momentum โดดเด่น 3 อันดับสุดท้าย จะมีการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนลดลงครึ่งนึงจากน้ำหนักการลงทุนเดิม เสมือนเป็นกองหลังของทีม กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ จะคงน้ำหนักการลงทุนไว้ เป็นเสมือนกองกลางของทีม

“ไตรมาส 1 ปี 2025 ตลาดเริ่มมีการเปลี่ยนกลุ่มหุ้นที่ลงทุน (Rotation) จากกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (Big Tech) และหุ้นเติบโต (Growth) โดยเฉพาะกลุ่ม 7 นางฟ้า หรือ Magnificent 7 (Mag7) ไปหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่มี Valuation ถูกกว่า มีแนวโน้มการเติบโตของกำไรที่น่าสนใจ ที่สำคัญมี Momentum หรือราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในระยะสั้นได้โดดเด่น

โดยแนวโน้มกำไรของหุ้น 7 นางฟ้า มีอัตราการเติบโตที่ลดลง สวนทางประมาณการกำไรของหุ้นสหรัฐฯ อื่นๆ ที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยสนับสนุนเม็ดเงินลงทุนให้การกระจายไปหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ มากขึ้นในระยะข้างหน้า” นายพจน์กล่าว

กองทุน ONE-ELITE11 ก็พร้อมจับโอกาสสร้างพอร์ตพลิกบวกในช่วงตลาดขาขึ้น ด้วยกลยุทธ์ Smart beta ที่มีกระบวนการลงทุนชัดเจน (Rule based approach) ตามหลักเกณฑ์ของดัชนีอ้างอิง Bloomberg Global Industry Elite 55 Index ที่เน้นปัจจัยด้าน Momentum ทั้งด้านราคา และคุณภาพของบริษัท ที่คัดเลือกหุ้นเด่น 5 อันดับแรก จาก 11 อุตสาหกรรม รวมถึงการจัดสรรน้ำหนักการลงทุนในอุตสาหกรรมในแต่ละช่วง

มีการปรับพอร์ตการลงทุน (Rebalance) ทุกไตรมาส ช่วยกระจายการลงทุนและเพิ่มโอกาสในการจับจังหวะในการสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่น สามารถปรับตัวบวกได้ดีกว่าตลาดหุ้นโลกและหุ้นสหรัฐฯ ในภาพรวม ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว