ลุงเสพยาคลั่ง ! กระโดดเตะก้านคอหลานสาวหูฉีก ระแวงหาว่าขโมยทอง

เกิดเหตุสะเทือนใจ ! ลุงแท้ๆ วัย 39 ปี ขายวัวนำเงินซื้อยาบ้าเสพ ก่อนเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ใช้เท้าเตะก้านคอหลานสาวตัวเองจนกกหูฉีกขาด แถมเตะซ้ำเข้าที่ใบหน้าได้รับบาดเจ็บ สาเหตุระแวงคิดว่าหลานขโมยทองไปขาย

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 มิ.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยวุฒิ คุณาธิมาพันธ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคง อ.เมืองประจวบฯ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า เกิดเหตุชายเมายาบ้าอาละวาดจับหลานสาวเป็นตัวประกัน จึงแจ้งไปยัง พ.ต.ท.เอกราช หุ่นงาม รองผู้กำกับปราบปราม สภ.เมืองประจวบฯ นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน พร้อมพยาบาลด้านจิตเวช รพ.ประจวบฯ เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

ที่เกิดเหตุคือ บ้านเลขที่ 342/3 หมู่บ้านหนองพังพวย หมู่ 11 ต.เกาะหลัก อ.เมือง จ.ประจวบฯ พบเป็นบ้านปูน 2 ชั้น มีนายอาทิตย์ ปองรัก อายุ 39 ปี อาชีพเลี้ยงวัวนม เป็นเจ้าของบ้าน กำลังพูดจาเอะอะโวยวาย เจ้าหน้าที่จึงได้เจรจาเกลี้ยกล่อมให้สงบสติอารมณ์ และยอมรับสารภาพว่า ได้ขายวัวไปในราคา 2 หมื่นกว่าบาท เพื่อนำเงินไปซื้อยาบ้ามาเสพ จำนวน 2 เม็ด จนเกิดอาการฟุ้งซ่าน ซึ่งที่ผ่านมาเคยเข้ารับการบำบัดยาเสพติดมาแล้วแต่เลิกไม่ได้ จากการตรวจค้นภายในบ้านพบอุปกรณ์ในการเสพยา และเงินที่เหลือจากการขายวัวแค่ 1,000 กว่าบาท โดยอ้างว่าเงินที่ขายวัวมาได้นำไปใช้หนี้สินหมดแล้ว

โดย นางสาวจีน (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี หลานสาว ซึ่งเป็นผู้เสียหาย เผยทั้งน้ำตาว่า ขณะนี้ตนเรียนอยู่ชั้น ปวช.1 ซึ่งนายอาทิตย์คนที่ทำร้ายตนมีศักดิ์เป็นลุงแท้ๆ โดยก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งอยู่หน้ากระจกภายในบ้านของตัวเอง ซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านของนายอาทิตย์ จู่ๆ นายอาทิตย์ได้เดินมาเตะตนเข้าที่บริเวณก้านคอ ถูกกกหูจนใบหูฉีกและมีบาดแผลบริเวณด้านหลังใบหู แล้วเตะซ้ำเข้าที่ใบหน้าอีกครั้ง จนรู้สึกเจ็บและปวดศีรษะมาก จากนั้นได้บังคับให้ตนมาที่บ้านของนายอาทิตย์ แล้วพยายามทำร้ายร่างกายอีกหลายครั้ง อาและญาติที่เห็นเหตุการณ์ ได้พยายามห้าม และแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ

ส่วนสาเหตุ เกิดจากนายอาทิตย์มีอาการหลอนจากการเสพยาจนระแวง อ้างว่าหลานสาวไปขโมยทองที่วางอยู่ในบ้าน นางสาวจีนจึงอยากให้ เจ้าหน้าที่พานายอาทิตย์ไปบำบัดรักษาให้หาย เพราะรู้สึกหวาดกลัวและหวั่นว่าอาจไม่ปลอดภัยอีก หากวันไหนที่ต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จึงได้พานางสาวจีน เข้าไปตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลประจวบฯ จากนั้นจึงควบคุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนเพิ่มเติมที่ สภ.เมืองประจวบฯ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป