SHARE

คัดลอกแล้ว

ในยามเช้าของเดือนพฤษภาคมที่สายหมอกยังลอยเหนือผิวน้ำโขง เด็ก ๆ วัย 5-17 ปี จำนวน 40 คนในอำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย มารวมตัวกันที่แพริมฝั่งแม่น้ำ พวกเขาไม่ได้มาเพียงเพื่อชมความงามของธรรมชาติเท่านั้น แต่มาร่วมกันเรียนรู้รากเหง้า วิถีชีวิต และสิ่งแวดล้อมของตนเอง พร้อมทั้งใช้พลังเสียงเล็ก ๆ ถ่ายทอดเรื่องราวของแม่น้ำสายสำคัญนี้ที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนในชุมชนมาอย่างยาวนาน และร่วมกันปกป้องธรรมชาติบ้านเกิด 

กิจกรรมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอาสาสมัคร I AM UNICEF และแคมเปญ #CountMeIn โลกรวน เด็กเดือดร้อน รับฟังเสียงเด็ก ที่มุ่งเสริมพลังให้เด็ก ๆ ได้เชื่อมโยงกับธรรมชาติและชุมชนผ่านการเล่าเรื่อง โดยได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สมาคมฮักแม่น้ำโขง ไทยพีบีเอส สภาเด็กและเยาวชนเชียงคาน และอาสาสมัครในพื้นที่

“เด็ก ๆ รู้จักชุมชนของตัวเองดีที่สุด” ชาญณรงค์ วงศ์ลา นายกสมาคมฮักแม่น้ำโขง กล่าว “ถ้าเรากระตุ้นเขา เปิดพื้นที่ให้เขาได้เรียนรู้ ถามคำถาม และเล่าเรื่อง เขาจะไปได้ไกลมาก ซึ่งเป็นเรื่องดีต่อการรักษาสิ่งแวดล้อมและการส่งเสริมการท่องเที่ยวของชุมชน”

เชียงคานคือเมืองเล็ก ๆ ริมฝั่งโขงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวัฒนธรรมท้องถิ่น ชุมชนนี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นปลาในแม่น้ำที่ลดน้อยลง ประเพณีเก่าแก่ที่เริ่มเลือนหาย และเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่เริ่มห่างเหินจากวิถีชีวิตที่เคยผูกพันกับแม่น้ำ

ระหว่างกิจกรรม 2 วัน เด็ก ๆ ได้ลงพื้นที่สัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เรียนรู้ศิลปะ Gyotaku หรือเทคนิคการพิมพ์ภาพปลาของญี่ปุ่น โดยใช้ปลาจริงเป็นสื่อเพื่อให้เด็ก ๆ เข้าใจความหลากหลายของพันธุ์ปลาในแม่น้ำโขง เด็ก ๆ ยังได้ออกเรือกับชาวประมงท้องถิ่น เพื่อเรียนรู้วิถีชาวบ้าน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของสายน้ำแห่งนี้

“บางกลุ่มกลับมาโดยไม่ได้ปลาเลย” แพรวา เรือนคำ วัย 11 ปี พูดด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น “เมื่อก่อนตากับพ่อจับกุ้งได้เยอะมาก แต่ตอนนี้แทบไม่มีเลย”

แพรวาต้องหยุดเรียนหลังจบชั้น ป.4 เพื่อช่วยตากับยายกรีดยางหาเงิน แต่เธอยังจำได้ดีถึงช่วงเวลาที่ครอบครัวเคยมีรายได้จากการจับกุ้ง

“เราหาเงินจากกุ้งได้มากกว่านี้ หนูอยากให้กุ้งกลับมา แต่ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง” แพรวาบอก

หลังจากเรียนรู้ธรรมชาติและวิถีชุมชน เด็ก ๆ ได้ต่อยอดสู่การผลิตสื่อสร้างสรรค์ โดยมีอาสาสมัคร I AM UNICEF จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม 11 คน มาสอนเทคนิคการถ่ายภาพ ตั้งคำถาม และตัดต่อวิดีโอ

“หน้าที่ของเราคือเสริมพลังให้เด็ก ๆ ทำให้เขาเห็นว่าตัวเองเป็นคนสำคัญและมีความสามารถในการปกป้องสิ่งแวดล้อมและชุมชนของตัวเอง” อังคณา พรมรักษา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายพัฒนานิสิต และอาจารย์จากคณะสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม กล่าว 

รัตนาภรณ์ น้อยวงศ์ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม เป็นหนึ่งในอาสาสมัคร I AM UNICEF เธอเชื่อมต่อกับเด็ก ๆ ได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นคนอีสานซึ่งเข้าใจหัวใจของพื้นที่อย่างลึกซึ้ง

“เด็ก ๆ ผูกพันกับชุมชนของตัวเองมาก เขาอยู่กับธรรมชาติและเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ” รัตนาภรณ์กล่าว “เขาอาจยังไม่เข้าใจเรื่องโลกร้อน แต่รู้ว่าสิ่งรอบตัวกำลังเปลี่ยนไป และรู้ว่าต้องดูแลบ้านของตัวเอง”

วุฒิภัทร พันพร้าว วัย 11 ปี  รู้สึกสนุกกับกิจกรรมเล่าเรื่อง กลุ่มของเขาเลือกเล่าเรื่องพิธี “ผาสาดลอยเคราะห์” ซึ่งเป็นพิธีโบราณของชุมชนเชียงคานในการปล่อยเคราะห์ลงแม่น้ำ

“ผมกลัวว่าประเพณีนี้จะหายไป เพราะเดี๋ยวนี้ไม่มีคนสนใจวัฒนธรรม” วุฒิภัทร กล่าว “เดี๋ยวนี้สภาพแวดล้อมก็เปลี่ยนไป ต้นกล้วยหรือรังผึ้งที่ใช้ในพิธีก็หายากขึ้น”

นิภัทรา วิลเคส เจ้าหน้าที่สื่อสารโครงการอาสาสมัคร องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อสร้างความตระหนักถึงผลกระทบของโลกรวนและการเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมที่มีต่อเด็ก พร้อมเปิดพื้นที่ให้เด็ก ๆ มีส่วนร่วมในการบอกเล่าและหาทางแก้ปัญหา

เมื่อปีที่แล้ว ยูนิเซฟได้จัดทำแคมเปญ #CountMeIn โลกรวน เด็กเดือดร้อน รับฟังเสียงเด็ก หลังจากรายงานของยูนิเซฟในปี 2566 ระบุว่า เด็กในประเทศไทยมีความเสี่ยงสูงจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยเฉพาะภัยแล้ง คลื่นความร้อน และน้ำท่วม ซึ่งเด็กยากจนและกลุ่มเปราะบางมักเป็นผู้ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุด

“การให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ แสดงออก และร่วมกำหนดอนาคตของตัวเอง คือหัวใจของงานนี้” นิภัทรากล่าว “เมื่อเด็กได้พูดและได้รับฟัง ชุมชนก็จะแข็งแรงขึ้น และการรับมือกับวิกฤตสิ่งแวดล้อมก็จะมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากยิ่งขึ้น”

ปิยะรัตน์ ชูกลิ่นหอม นักศึกษาปริญญาโท สาขาการพัฒนาร่วมสมัยและปฏิบัติการพัฒนา วิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งกำลังวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กในพื้นที่เชียงคาน กล่าวว่า กิจกรรมนี้มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในบริบทพื้นที่นี้ “เด็ก ๆ ที่นี่ยากจน หลายคนไม่ได้เรียนต่อ และบางคนก็ไม่อยากทำประมงเหมือนครอบครัว  การขาดพื้นที่และโอกาสการเรียนรู้ อาจทำให้พวกเขาอาจถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ธรรมชาติได้รับผลกระทบแล้ว ขณะที่คนที่จะมาเชื่อมต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมก็ยิ่งไม่ค่อยมี”

เวิร์กช็อปนี้เกิดจากความร่วมมือของภาคประชาสังคม สถาบันการศึกษา สื่อ และยูนิเซฟ โดยไทยพีบีเอสได้ร่วมบันทึกเรื่องราวของเด็ก ๆ เพื่อกระจายเสียงของเด็ก ๆ ให้เป็นที่รับรู้มากขึ้น ขณะที่มหาวิทยาลัยมหาสารคามสนับสนุนองค์ความรู้และคำแนะนำจากผู้เข้าใจพื้นที่ ส่วนอาสาสมัคร I AM UNICEF ก็เป็นแรงบันดาลใจให้เด็ก ๆ เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงและการเติบโตเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหน

“นี่ไม่ใช่แค่เวิร์กช็อปสื่อ แต่มันคือพื้นที่ที่เราคืนความเป็นเด็กให้กับชุมชน คืนศักยภาพของพวกเขา ให้เด็ก ๆ ได้เห็นคุณค่าของตัวเอง และรู้ว่าเขาทำได้” อาจารย์อังคณาย้ำ

สิ่งที่เห็นชัดตลอดสองวัน ไม่ใช่แค่ความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อมหรือวัฒนธรรมท้องถิ่นเท่านั้น แต่คือ ความรัก ที่เด็ก ๆ มีต่อบ้านเกิด

“เด็ก ๆ รักบ้านของตัวเองโดยไม่ได้พูดคำว่า ‘รัก’ ออกมา” รัตนาภรณ์กล่าว “แต่เราเห็นได้ในสิ่งที่เขาทำ เห็นในคำถามที่เขาถามและเรื่องที่เขาเล่า”

เมื่อเวิร์กช็อปสิ้นสุดลง เด็ก ๆ ได้นำคลิปวิดีโอที่ตนทำขึ้นมาฉายให้ชาวบ้านรับชม มีทั้งเรื่องปลาและกุ้งที่หายไป วิถีประมง ประเพณีเก่าแก่ และอุปกรณ์หาปลา เรื่องราวเหล่านี้เรียบง่ายแต่น่าประทับใจ สะท้อนถึงโลกที่เปลี่ยนไป และความตั้งใจของเด็ก ๆ ที่จะรักษาสิ่งมีค่าไว้

นอกจากนี้ ผลงานของเด็ก ๆ จะถูกนำไปจัดแสดงที่ถนนคนเดินเชียงคานในเดือนมิถุนายน เพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวชุมชนได้รับชมผลงานของเด็ก ๆ ด้วย

“หนูเรียนรู้อะไรมากมาย” รภัสสร พิชญะเมธาสิทธิ์ วัย 17 ปี สมาชิกสภาเด็กและเยาวชนเชียงคาน กล่าว “หนูอยู่เชียงคานมาตั้งแต่เกิด แต่ไม่เคยรู้จักปลา อุปกรณ์จับปลา หรือวิธีการหาปลามาก่อนเลย ตอนนี้หนูอยากช่วยกระจายข่าวสาร และชวนให้ทุกคนมาช่วยกันอนุรักษ์แม่น้ำโขงให้มากขึ้น”

 

เรื่องและภาพ โดย ณัฐฐา กีนะพันธ์

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า