Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

แฟนเพลงในยุค 90 คงมีภาพจำของนิโคล เทริโอ ในฐานะศิลปินเพลงป๊อปแดนซ์ที่มีเอเนอจี้ล้นเหลือ บทเพลงดังๆ และท่าเต้นแสนมีเอกลักษณ์ของสาวน้อยในวันนั้น ยังคงติดตาตรึงใจหลายๆ คนมาถึงวันนี้

เราได้พูดคุยกับเธอในวันที่ไม่ได้อยู่ในคราบสาวน้อยกะโปโลผมสั้นอีกต่อไป แต่เป็นในฐานะผู้หญิงคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่ง ที่ยังคงมีแววตาและรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยพลังงานในการใช้ชีวิตเหมือนเดิม โดยเฉพาะในบทบาทคุณแม่ของน้องทิกเกอร์ ลูกชายวัย 15 ปี ซึ่งกำลังเตรียมตัวเข้าวงการบันเทิง ตามรอยเส้นทางที่เธอเคยเดินเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ซึ่งเธอตื่นเต้นกับช่วงเวลานี้ของลูกตัวเองมาก

เหมือนเขาทำให้เรากลับไปเป็นเด็ก กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าทุกอย่างที่เขาทำเป็นครั้งแรก เราก็ได้ประสบการณ์ไปอยู่ในช่วงเวลานั้นกับเขาเหมือนกัน แต่ด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน”

ไม่ใช่แค่อิทธิพลที่ได้รับจากลูกชายเท่านั้น เธอยังบอกอีกว่าประสบการณ์ชีวิต และอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้เจอจุดสมดุลและจังหวะชีวิตที่เหมาะสมของตัวเอง

“Happiness และ Joy คือคนละเรื่องกัน ทุกคนอยากแฮปปี้ อยากมีความสุข แต่ความสุขหรือ Happiness ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ตลอดเวลา มันจะมาๆ ดับๆ มาๆ ไปๆ เหมือนอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ถ้าคุณมี Joy หรือคือความไม่ทุกข์ นั่นคือความสุขที่แท้จริง”

ลองไปค้นหาคำตอบกันดูว่า อะไรคือสิ่งที่ทำให้เธอคนนี้ ค้นพบความสุข สมดุล และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่ใจอยากได้แบบนี้

บทบาทปัจจุบันของคุณโฟกัสในเรื่องใดอยู่บ้าง

บทบาทหลักเลยตอนนี้ คือเป็นคุณแม่ ถือเป็น Full-time Job ของตัวเอง ลูกชายน้องทิกเกอร์ตอนนี้ก็อายุ 15 ปีแล้ว และกำลังเตรียมตัวเป็นศิลปิน เขาต้องไปฝึกเต้นไปซ้อมร้องเพลง เพราะฉะนั้นตารางทำงานของทิกเกอร์ก็จะแน่นมาก หลักๆ บทบาทของเราในฐานะคนเป็นแม่ก็จะทุ่มเทเวลาให้กับเขาตรงนี้มาก เพราะอยากดูแลเขาอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่องเรียนหนังสือ การเตรียมตัวเป็นศิลปิน และการเป็นเด็กที่กำลังจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขากำลังเริ่มต้นชีวิตที่น่าตื่นเต้นมาก เราก็ตื่นเต้นไปด้วย เรียกว่าเป็นการอยู่เคียงข้างเขา แต่ก็ให้เขาเติบโตไปในทางของเขาเอง

ส่วนเพลงตัวเองคราวนี้เป็นเพลงสากล เดี๋ยวคงจะได้ฟังกันเร็วๆ นี้ เหตุผลที่ทำเพลงสากลเพราะว่าเราเคยทำเพลงป๊อปมาเยอะแล้ว เลยอยากทำอะไรใหม่ๆ ส่วนตัวคิดว่ายิ่งเราอยู่ในช่วงวัยนี้ อยู่ในวงการนี้มาสักพัก ยิ่งต้องทำอะไรใหม่ๆ เพื่อให้สิ่งรอบๆ ตัวของเราสดใหม่ตลอดเวลา พยายามคิดแบบนี้เสมอ แล้วทุกอย่างก็จะน่าตื่นเต้น ส่วนเรื่องของการแสดงก็จะมีละครเป็นทีวีซีรีส์ 2 เรื่องที่กำลังจะออนแอร์เร็วๆ นี้

ฟังดูเหมือนคุณยังสนุกกับหลายๆ บทบาทที่ทำอยู่ตอนนี้

เวลามีใครถามเรื่องอายุ จะเล่นใหญ่มาก จริงเหรออายุขนาดนี้เลยเหรอ แต่เวลาเราตอบเรื่องอายุเราตอบด้วยความภูมิใจ เพราะมีความรู้สึกว่าทุกอย่างยังโอเค คือคำว่าแก่กับอายุเยอะนี่คนละเรื่องกัน เรารู้สึกว่าตัวเองยังมีแรงอยู่ ยังมีไฟ ยังอยากจะทำนู่นทำนี่ อยากลองอะไรใหม่ๆ อายุเป็นแค่ตัวเลข แต่ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองสิอายุจะไม่ใช่ตัวเลขแล้ว เพราะถ้าเราไม่ดูแลตัวเอง อายุก็จะเป็นอุปสรรคให้เราได้ แต่ถ้าเราทำตัวให้สุขภาพดี จิตใจดี มองโลกในแง่ดี มีมุมมองใหม่ๆ กับชีวิต มีความคิดที่โตขึ้น เราจะจัดแจงชีวิตและความคิดได้ดีกว่าตอนเด็กๆ ด้วยซ้ำ

หมายความว่าอย่างไรที่ว่าเมื่อโตขึ้นจะจัดแจงชีวิตได้ดีกว่าเดิม

ตอนเด็กๆ พังค่ะ (หัวเราะ) คือเราจะไม่รู้ขีดจำกัดของร่างกาย ของสมอง หรือแม้แต่อารมณ์ของเราเท่ากับตอนนี้ พอสนุกก็สนุกเกินไป คือพอสุขมากก็ทุกข์มาก แต่ชีวิตตอนนี้มีความพอดีอยู่ในนั้น Work Hard, Play Hard คือถ้าจะสนุกก็อยู่ในขอบเขตที่เรารู้จักพอ รู้จักหยุด

ชีวิตที่หยุดไม่ได้นี่เป็นอย่างไร

อย่างตอนที่กลับมาเมืองไทยใหม่ๆ และทำเพลงอัลบั้มชุดแรก กะ-โป-โล-คลับ ไปจนถึงอัลบั้มบุษบา เป็นช่วงที่ทำงานหนักมาก ไม่มีเวลาพักเลย พอทำงานหนักเราก็อ้างได้ ว่าตัวเองไม่มีเวลาจะนอน ไม่มีเวลาจะกิน ไม่มีเวลาจะดูแลตัวเอง ตอนนั้นก็จะไม่สบายบ่อย คือทำงาน 7 วันต่อสัปดาห์ เดินทางเยอะ พอเข้าบ้านเข็นกระเป๋าเดินทางเข้ามาอันหนึ่ง ก็ต้องเข็นอีกอันหนึ่งออกไปแล้ว ยังไม่ได้แกะใบเดิมเอาของออกเลยด้วยซ้ำ กระเป๋ากองรวมกันเป็นสิบๆ ใบ ก็เป็นข้ออ้างกับตัวเราเองให้ละเลยเรื่องสุขภาพ

หรืออย่างการที่เราเป็นคนที่ชอบเล่นกีฬามาก และตอนนั้นบ้าเจ็ทสกีมาก คือทุกวันถ้าไม่มีงานจะไปบึงแล้วไปซ้อม เคยไปลงแข่งทีมชาติเลยนะ คือเป็นคนที่ทำอะไรแล้วจะทำให้สุด แต่สุดท้ายเราบาดเจ็บ แขนขาไปหมด ผิวก็ไหม้ คือไม่ดูแลตัวเอง หรืออย่างตอนแข่งเต้น ในรายการ Dancing With The Stars เต้นกันเอาเป็นเอาตาย 7 วัน 7 คืน ติดต่อกันหลายๆ เดือน เราเต้นจนซี่โครงหัก เพราะว่าตัวเราถูกยกขึ้นแล้วมันกระแทก บ่อยเข้าๆ จนกระดูกเปราะและหัก อันนั้นคือเป็นจุดพลิกของเราเลย ว่าต้องดูแลตัวเองแล้วแหละ อย่าประมาทอย่าคิดว่าเราใจสู้อย่างเดียวไม่ได้ ร่างกายเราจะบอกอยู่ตลอดเวลา ว่าเรากำลังเป็นอะไร ต้องฟังร่างกายของเราเยอะๆ

สิ่งที่ชอบทำในช่วงเวลานี้มีอะไรบ้าง

ถ้าเป็นเรื่องของกีฬาทุกปีก็จะไปสโนว์บอร์ดกับลูกชายที่นิเซโกะ สโนว์บอร์ดติดกันมา 7 ปีแล้ว แต่ช่วงนี้เกิดโควิด-19 ก็คงจะไปไม่ได้ แต่เป็นกีฬาที่ดีมากๆ ท้าทายตัวเอง ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วน ส่วนถ้าที่เมืองไทยก็คือดำน้ำ สิ่งที่สนุกสำหรับเราตอนนี้ไม่ใช่กิจกรรมที่ต้องเอาเป็นเอาตาย แค่ให้ได้ออกกำลังกาย ได้อยู่กับธรรมชาติ ได้ใช้เวลากับเพื่อนฝูงกับครอบครัวก็พอแล้ว

แล้วอายุเป็นอุปสรรคกับการใช้ชีวิตอย่างที่ใจอยากไหม

อายุเป็นอุปสรรคต่อเมื่อร่างกายไม่ไหว ป่วยเป็นนู่นเป็นนี่ อันนี้เป็นอุปสรรคแน่นอน สิ่งจำเป็นคือการดูแลตัวเอง อายุไม่ใช่อุปสรรคจริงๆ หรอก เพียงแต่ว่าเราต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้นเท่านั้นเอง เพราะว่าการใช้งานของร่างกาย ก็เหมือนกับรถยนต์ ถ้าเราใช้รถคันนี้นานๆ ก็ต้องเข้าอู่เช็กนู่นเช็กนี่ ซึ่งถ้าเราดูแลตัวเองให้ดี มีความคิด มีความรับผิดชอบ รู้ว่าถ้าใช้ร่างกายของเราจนพัง จะซ่อมยาก เพราะฉะนั้นเราดูแลตัวเองก่อนดีกว่า พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารให้ครบห้าหมู่ และบำรุงร่างกาย หรือเสริมด้วยแบรนด์รังนกแท้ที่มีนานะ อีกหนึ่งตัวช่วยให้เราได้ใส่ใจตัวเองได้เต็มที่ ให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างที่เราอยากจะใช้ พอร่างกายเราแข็งแรง ร่างกายเราพร้อม ไม่ว่าจะอะไรก็ทำได้หมด เราถึงจะใช้ชีวิตได้เต็มที่

แล้วการเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแบบนี้ การทำกิจกรรมต่างๆ กับลูก สามารถทำไปด้วยกันกับเขาได้ไหม

ทำได้ค่ะ อย่างต่อยมวยก็ไป อย่างก่อนจะเริ่มชกเราต้องวอร์มอัพ ต้องกระโดดเชือก วิดพื้น วิ่ง ซึ่งเราก็ทำไปพร้อมกับเขา เวลาเขาวิ่งก็แซงเรานะน็อกรอบไปเลย แต่เราก็รักษาระดับของตัวเองไป แต่เราทำทุกอย่างเหมือนๆ กันกับเขา ต่อยมวย ทำแพลงก์กิ้งจับเวลาเราก็ทำได้นาทีกว่าเท่ากัน เสร็จแล้วก็ลงไปนอนกอดท้องร้องโอ้ย (หัวเราะ)

แต่สนุกมากเวลาที่เราได้ทำกิจกรรมกับลูกชาย เหมือนเขาทำให้เรากลับไปเป็นเด็ก กลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าทุกอย่างที่เขาทำเป็นครั้งแรก เราก็ได้ประสบการณ์ไปอยู่ในช่วงเวลานั้นกับเขาเหมือนกัน แต่ด้วยมุมมองที่แตกต่างกัน อย่างการเตรียมตัวเป็นศิลปิน เราเคยผ่านมาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แต่ลูกกำลังจะก้าวเข้าไปสู่ตรงนั้น เราในตอนนั้นกับลูกในตอนนี้น่าจะรู้สึกเหมือนๆ กันนะ มันทำให้เรามีความรู้สึกครั้งแรกอีกครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ดีกว่าตอนนั้น เพราะว่านี่คือลูกที่เรารักยิ่งกว่าตัวเอง

ลูกมีอิทธิพลกับชีวิตคุณแค่ไหน

ลูกคือเอเนอจี้ที่ดีมากๆ เลย ถ้าเหนื่อยถ้าท้อ แน่นอนชีวิตเราต้องมีรู้สึกวูบๆ ดาวน์ๆ บ้าง แต่พอเรามองเห็นหน้าลูก ทุกอย่างมันชัดเจนว่าเราทำเพื่อเขา

ในบทบาทแม่ นักแสดง นักร้อง ตอนนี้คุณสนุกกับบทบาทไหนที่สุด

สนุกกับทุกบทบาทนะ เราสนุกหมดเลย ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานั้นว่าเรากำลังทำอะไร เราจะเป็นคนที่อินกับสิ่งที่ทำมาก ถ้าเล่นละครจะอินกับตัวละคร เชื่อในตัวละคร เชื่อในเรื่องที่เล่น ถ้าร้องเพลงเล่นคอนเสิร์ตก็จะสนุกไปกับเพลงที่ร้อง สนุกกับคนดูที่ส่งพลังมาให้เรา ทำอะไรก็จะอินกับอะไรตรงนั้น คือประสบการณ์สอนให้เรารู้ว่าถ้าทำอะไรแล้วใจไม่ไปร้อยเปอร์เซนต์ จะยากมาก ทุกอย่างจะนานมาก คุณต้องสนุกก่อนแล้วทุกอย่างจะดี

คุณมองนิยามคำว่า Live Young อย่างไร

คือการอย่าเอาอายุมาเป็นเหตุผลให้เราไม่สามารถทำนู้นทำนี่ อย่ายอมไปกับตัวเลข อย่าคิดว่าฉันอายุเท่านี้แล้วทำนู่นไม่ได้หรอก ทำนี่ไม่ได้หรอก จะเริ่มตอนนี้มันช้าไปหรือเปล่า แก่ไปแล้ว อย่าคิดอย่างนั้น Live Young คืออายุไม่ใช่อุปสรรค ยิ่งเรามีอายุมากขึ้นยิ่งเจ๋ง เรายิ่งรู้ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร ยิ่งเข้าใจตัวเองว่าขีดจำกัดมีแค่ไหน และเมื่อเราเข้าใจตัวเองก็ทำตรงนั้นให้มันสุด ดูแลร่างกายเราให้พร้อม ทุกอย่างก็จะส่งผลดีกลับมา

พูดแบบนี้ไม่ได้แปลว่าฉันเป็นกูรูผู้รู้ ไม่มีอะไรมาแตะต้องฉันได้ เพียงแต่ว่าเราเข้าใจกลไกของตัวเอง อารมณ์เป็นอย่างไร ถ้าไม่ดูแลตัวเอง ไม่กินข้าวให้ตรงเวลา เดี๋ยวร่างกายก็จะบอกเราเอง สุดท้ายเราก็คือจุดศูนย์กลางของตัวเอง เราคือโลกของเรา ถ้าบอกว่าลูกคือโลกของเรา ก็ใช่ แต่หลักๆ ก็คือตัวเรา ถ้าเราไม่มีความสุข ไม่แข็งแรง ป่วย เราก็ไม่มีแรงที่จะดูแลคนที่เรารัก เพราะฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเองก่อน จะได้ทำงาน จะได้ดูแลลูกได้ และใช้ชีวิตให้สนุก มีแรงที่จะทำนู้นทำนี่

นิยามความสุขในวันนี้ของคุณคืออะไร

ความสุขของเราคือไม่มีความทุกข์ อันนี้คือเรื่องจริงนะ Happiness และ Joy คือคนละเรื่องกัน ทุกคนอยากแฮปปี้ อยากมีความสุข แต่ความสุขหรือ Happiness ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ตลอดเวลา มันจะมาๆ ดับๆ มาๆ ไปๆ เหมือนอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา เหมือนเล่นละคร ฉากนี้เศร้า ฉากนี้ดราม่า ฉากนี้โกรธ ชีวิตเราเป็นฉากๆ แต่ถ้าคุณมี Joy หรือคือความไม่ทุกข์ นั่นคือความสุขที่แท้จริง แล้วเราคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันจะเกิดขึ้นได้ ถ้าเราแข็งแรงทั้งกายและใจ สำคัญมากๆ คือทัศนคติของตัวเอง ต้องใช้ชีวิตทุกวันให้มีคุณค่า ให้มีความสุข เห็นสิ่งสวยงามรอบข้างของเรา ทั้งการงาน ลูก เพื่อน ทุกอย่างคือสิ่งที่เสริมให้ชีวิตของเราแฮปปี้

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า