ศบค.ห่วง กทม.คุมเชื่อโควิดแคมป์คนงานไม่อยู่ ล่าสุดยอดป่วยอยู่ที่ 3,205 ราย เสียชีวิต 26 ราย

วันที่ 25 พ.ค. 2564 พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้ติดป่วยรายใหม่ 3,226 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 3,205 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการฯ 1,142 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 1,183 ราย ติดเชื้อภายในเรือนจำ 882 ราย และอีก 19 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 136,439 ราย หายป่วยเพิ่ม 3,094 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 45,413 ราย โดยในจำนวนนี้มีอาการหนัก 1,187 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 399 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 26 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 832 ราย

สำหรับผู้เสียชีวิต 26 ราย มาจาก กทม. 15 ราย ปทุมธานี สมุทรปราการ จังหวัดละ 2 ราย นนทบุรี เพชรบุรี ราชบุรี ชลบุรี อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ นครสวรรค์ และกาฬสินธุ์ จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 15 ราย หญิง 11 ราย อายุระหว่าง 36-88 ปี โดยปัจจัยเสี่ยงต่อความรุนแรงของโรค ส่วนใหญ่มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ไตเรื้อรัง โรคหัวใจ โรคอ้วน โรคปอดเรื้อรัง โรคตับ และไม่มีโรคประจำตัว 5 ราย ส่วนปัจจัยเสี่ยงต่อการติดเชื้อ มาจากคนในครอบครัว คนอื่นๆ เช่น เพื่อนร่วมงาน รพ. อาศัยหรือเดินทางเข้าไปในพื้นที่ระบาด ไปในที่คนหนาแน่น ได้แก่ ตลาด โรงพยาบาล มีอาชีพเสี่ยง ได้แก่ ค้าขาย ขับแท็กซี่

สำหรับ 10 จังหวัดที่มีอันดับผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่สูงสุด ตามลำดับ ได้แก่ กทม. 872 ราย นนทบุรี 590 ราย เพชรบุรี 227 ราย สมุทรปราการ 126 ราย ปทุมธานี 66 ราย นราธิวาส 54 ราย สมุทรสาคร 49 ราย ชลบุรี 34 ราย พระนครศรีอยุธยา 29 ราย สุราษฎร์ธานี และราชบุรี 25 ราย

ด้านผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 19 ราย ประกอบด้วย อินเดีย 3 ราย อียิปต์ 1 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย ซาอุดิอาระเบีย 7 ราย มาเลเซีย 4 ราย และกัมพูชา 2 ราย

ขณะที่ การกระจายวัคซีนในประเทศ พบผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 เพิ่มเติม จำนวน 102,558 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 11,091 ราย รวมสะสมผู้ได้รับวัคซีนแล้ว 3,024,313 ราย แบ่งเป็น ผู้ได้รับเข็มที่ 1 จำนวน 2,044,123 ราย และผู้ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 980,190 ราย

เปิดด่านชายแดนสระแก้วสัปดาห์ละ 5 วัน

พญ.อภิสมัย กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก หารือกันเรื่องการสกัดกันลักลอบเข้าเมือง เพื่อให้เกิดมาตรการเข้มงวดสูงสุด ข้อมูลจากศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง พบว่า จับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้ 151 ราย โดย ศบค.ชุดเล็ก ติดตามการสอบสวนโรคของด่านข้ามแดนถาวร จ.สระแก้ว ที่เปิดรับคนไทยกลับประเทศ 3 วันต่อสัปดาห์ คือ วันจันทร์ พุธ และศุกร์ วันละไม่เกิน 100 ราย ส่วนหนึ่งที่ประชาชนเลือกข้ามแดนผิดกฎหมาย เพราะว่าไม่อยากรอ ดังนั้น ศบค.มท.ได้มีการนำเสนอว่าจะอำนวยความสะดวกมากขึ้น ด้วยการเปิดด่าน 5 วัน ในวันจันทร์-ศุกร์ เพื่อลดการลักลอบเข้าเมือง เบื้องต้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. เห็นชอบและได้มอบอำนาจฝ่ายมหาดไทยดำเนินการแล้ว

สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล พญ.อภิสมัย กล่าวว่า กทม.ยังเดินหน้าตรวจคัดกรองเชิงรุกจะมีการสุ่มตรวจในทุกพื้นที่ โดย กทม.มีคลัสเตอร์เฝ้าระวัง ได้แก่ เขตคันนายาว เป็นชุมชนตลาด ชาวต่างชาติอาศัยหนาแน่น ในส่วนเขตบางแค และหนองแขม เฝ้าระวังในสถานประกอบการดูแลผู้สูงอายุของเอกชน เป็นลักษณะการติดเชื้อใน 3 แห่งที่เป็นเจ้าของเดียวกัน แห่งที่ 1 พบติดเชื้อ 16 ราย ส่วนอีก 2 แห่งพบที่ละ 3 ราย มีทั้งผู้สูงอายุ และผู้ดูแลด้วย เบื้องต้นสำนักงานเขตบางแค ลงพื้นที่คัดกรองผู้ติดเชื้อตามความรุนแรงของโรค โดยผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรง จะส่งเข้าโรงพยาบาล จากนั้นจะมีการนำเครื่องโมบายเอกซเรย์ เข้าไปตรวจหาการติดเชื้อในปอดของผู้สูงอายุ เพื่อดูแลได้ทันท่วงที ได้รับการดูแลอย่างมีมาตรฐาน ส่วนผู้สูงอายุที่ผลตรวจเป็นลบ จะแยกออกมากักตัวและตรวจเชื้อซ้ำ

นอกจากนี้ กทม. ยังพบคลัสเตอร์ใหม่ คือ ไซต์งานก่อสร้างที่เขตดุสิต แต่ในส่วนยอดติดเชื้อใหม่ใน จ.นนทบุรี ที่พุ่งสูงขึ้นส่วนใหญ่มาจากการคัดกรองในแคมป์คนงานในเขตดุสิต แต่แคมป์ที่พักคนงานอยู่ใน จ.นนทบุรี ซึ่งนพ.ชวินทร์ ศิรินาค รองปลัด กทม. เสนอในที่ประชุมถึงแผนการระดมตรวจเชิงรุกเฝ้าระวังในแคมป์คนงาน โดย 50 เขตใน กทม. มี 409 แคมป์ ผู้ทำงานส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติประมาณ 6.2 หมื่นราย จะร่วมกับสำนักงานประกันสังคม ระดมตรวจหาเชื้อ 5 หมื่นราย อีก 1.2 หมื่นรายจะเป็นความรับผิดชอบของสำนักอนามัย

เมื่อถามถึงการปรับแผนกระจายวัคซีน พญ.อภิสมัย ชี้แจงว่า กรมควมคุมโรคให้หลักเกณฑ์การกระจายวัคซีนว่าขึ้นกับจำนวนวัคซีน จำนวนประชากร แปรผันไปตามการระบาด และกลุ่มเป้าหมาย อาทิ จ. สมุทรสาคร มีการแพร่ระบาดหนักต้องได้รับวัคซีนในพื้นที่ก่อนเพื่อควบคุมวงในการแพร่ระบาด บางจังหวัดอยากให้ฉีดในกลุ่มผู้มีโรคประจำตัวก่อน บางจังหวัดเป็นจังหวัดด้านการท่องเที่ยว ขอสนับสนุนทางด้านเศรษฐกิจก่อน จึงขอฉีดให้ผู้มีส่วนผลักดันทางเศรษฐกิจก่อน ซึ่ง ศบค. น้อมรับ และขอรับฟังแนวความคิดจากทุกจังหวัด และขอให้เสนอเข้ามา เพราะไม่มีใครเข้าใจพื้นที่ได้ดีกว่าคนในพื้นที่

อย่างไรก็ดี เมื่อวาน ผอ.ศบค. ได้เห็นชอบให้รับฟังความคิดเห็นจากพื้นที่ และขอให้ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กรมควมคุมโรค และกรมการแพทย์สาธารณสุข ได้พิจารณาร่วมกันเพื่อปรับแผนการรับวัคซีนให้เหมาะสม ซึ่งจะมีการประกาศแผนดังกล่าวในเร็ววันนี้ เพื่อให้เป็นแผนการกระจายวัคซีนที่สอดคล้องกับสถานการณ์มากที่สุด