ประเด็นคือ – พล.ต.อ.ศรีวราห์ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างรีสอร์ตของนายทุนต่างชาติบนเกาะสมุย มีเอกสารเป็นโฉนดที่ดินอาจออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และมีการก่อสร้างอาคารปิดเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจร ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน
เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2560 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากปฎิบัติการทวงคืนผืนป่าพื้นที่ อ.เกาะสมุย และเกาะพะงัน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง.ผบ.ตร. ร่วมกับนายวิชวุทย์ จินโต ผวจ.สุราษฎร์ธานี นายอรรถพล เจริญชันษา รองอธิบดีกรมป่าไม้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 กองทัพภาคที่4 และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขาเกาะสมุย ที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานี สาขาเกาะสมุย เข้าตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างรีสอร์ตของนายทุนชาวต่างชาติ ที่ชายหาดแหลมสน ม.2 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี โดยมีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนกว่า 50 คนรอเข้าพบ
โดยก่อนหน้าที่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบโครงการก่อสร้งดังกล่าวพบว่า มีการก่อสร้างกำแพงปูนกันน้ำทะเลพื้นที่บุกรุกเกินจากเอกสารสิทธิ 42 ตารางวา คิดเป็นค่าเสียหาย 10,500 บาท และจากการสืบหาข้อมูลพื้นที่ดังกล่าวมีเอกสารเป็นโฉนดที่ดิน อาจออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย นอกจากนี้ได้มีการก่อสร้างอาคารปิดเส้นทางที่ชาวบ้านใช้สัญจรมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ทำให้ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 40 หลังคาเรือน
นายเลิศศักดิ์ เจริญสุจ ตัวแทนชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน บอกว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมาเส้นทางที่ชาวบ้านใช้มาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษกว่า 100 ปี เพื่อเป็นเส้นทางเข้าออกขนส่งพืชผลทางการเกษตร และนำกุ้ง ปลา ปู ที่หาได้จากการทำประมงออกไปขาย ได้ถูกนายทุนชาวต่างชาติที่มาสร้างรีสอร์ตปิดถนนที่ชาวบ้านใช้สัญจรโดยอ้างสิทธิ์ในการถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน ทำให้ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จากนั้นชาวบ้านได้รวมตัวกันไปร้องต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย และศาลได้สั่งให้เปิดถนนชั่วคราวจนกว่าคดีจะสิ้นสุด แต่ว่าบริษัทฯ นี้ ยังมีการก่อสร้างไม่หยุดและกีดขวางเส้นทางอยู่ และที่ชายหาดยังได้ทำกำแพงกันคลื่นริมชายหาดรุกเข้าไปในทะเล จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบความถูกต้องของที่ดินแปลงดังกล่าว
ซึ่งในเรื่องนี้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชนะวรศิณธุ์ ศุภพนารักษ์ ผกก.สภ.บ่อผุด ตรวจสอบในเรื่อง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร มีการขออนุญาตถูกต้องหรือไม่ พร้อมกับสอบปากคำชาวบ้านที่ได้รับความเดื่อดร้อน และรวบรวมหลักฐาน สาระบบที่ดินแปลงที่มีปัญหา โดยประสานข้อมูลจากสำนักงานที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำรายงานสรุปแจ้งให้ทราบภายใน 3 วัน