SHARE

คัดลอกแล้ว

ศาลฎีกายืนตามอุทธรณ์ สั่งจำคุก 6 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) 8เดือน ไม่รอลงอาญา คดีปิดทำเนียบรัฐบาล ปี 2551 ชี้ชัดชุมนุมไม่สงบ

วันที่ 13 ก.พ. 62 ที่ห้องพิจารณาคดี 809 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีอดีตแกนนำพันธมิตรฯ บุกทำเนียบรัฐบาล เมื่อปี 2551 เป็นคดีหมายเลขดำ อ.4925/2555 ที่ พ.ต.ต.สุรพงษ์ สายวงศ์ อัยการฝ่ายคดีอาญา 10 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี, นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี, นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน หรือกลุ่มการเมืองสีเขียว และอดีตผู้ประสานงาน พธม. เป็นจำเลยที่ 1-6

ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกโดยกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป และร่วมกันทำให้เสียทรัพย์กรณีบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 358, 362 และ 365

อัยการโจทก์ฟ้อง ระบุ ความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2551 ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งมีจำเลยดังกล่าวเป็นแกนนำจัดปราศรัยชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เพื่อกดดันให้ นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

โดยเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปทำเนียบรัฐบาลและกระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ

ต่อมาหลังจากนายสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แล้วนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และมีกำหนดวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 7 ต.ค.2551 ปรากฏว่า วันที่ 26 ส.ค.51 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 4 กับพวก ได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยปิดล้อมทางเข้าออกทำเนียบทุกด้าน ได้ใช้เครื่องมือทำลายกุญแจประตูทำเนียบ และทำลายแผงกั้นที่เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมดูแลความสงบในทำเนียบ

จนถึงวันที่ 3 ธ.ค.51 พวกจำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาต ได้ร่วมกันรื้อทำลายสิ่งกีดขวางแล้วปีนรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งนำรถยนต์ 6 ล้อที่ติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ ไปจอดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลแล้วผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย

และช่วงวันที่ 26 ส.ค.-3 ธ.ค.51 ระหว่างที่พวกจำเลยจัดเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาลซึ่งมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก เหยียบสนามหญ้าและต้นไม้ประดับจนตาย และยังทำให้ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ ระบบไฟสนาม หน้าตึกไทยคู่ฟ้าและหน้าตึกสันติไมตรี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหายรวม 5 ล้านบาท

อีกทั้ง เมื่อมีฝนตกทำให้น้ำฝนซึมเข้าขังในถุงดำที่ห่อหุ้มกล้องวงจรปิด ทำให้ระบบอิเล็กโทรนิกส์ของกล้องเสียหายรวม 10 ตัว ค่าเสียหายอีก 1,766,548 บาท โดยจำเลยทั้ง 6 คนให้การปฏิเสธ

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 6 เป็นความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการและร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-6 กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 365 อนุมาตราสอง ,362 และ 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดในความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ จำคุกคนละ 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 2 ปี

ต่อมาจำเลยทั้ง 6 ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้โทษเป็นว่า จำเลยทั้ง 6 ที่เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ บุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลนานถึง 90 วัน ซึ่งผู้ชุมนุมไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ มีการใช้คีมตัดโซ่คล้องกุญแจประตูทำเนียบรัฐบาล ฝ่าแผงเหล็กกั้นอลูมิเนียมเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล

เป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการโดยทำให้เสียทรัพย์ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญานั้น ถือว่าหนักเกินไป เห็นควรแก้โทษให้เหมาะสม พิพากษาให้จำคุก คนละ 8 เดือนโดยไม่รอลงอาญา

ต่อมาจำเลยทั้ง 6 ยื่นฎีกาต่อโดยในวันนี้ ศาลได้เบิกตัว นายสนธิ จำเลยที่ 2 มาจากเรือนจำกลางคลองเปรม ส่วน พล.ต.จำลอง, นายพิภพ, นายสมเกียรติ, นายสมศักดิ์ และนายสุริยะใส เดินทางมาศาล โดยมีผู้สนับสนุนและญาติเดินทางมาให้กำลังใจเต็มห้องพิจารณาคดี

ศาลพิจารณาฎีกาของจำเลยทั้ง 6 แล้วเห็นว่า ไม่ได้เป็นการชุมนุมโดยสงบตามที่จำเลยอ้าง เพราะพฤติการณ์ของจำเลยและผู้ชุมนุมได้ปีนรั้วเข้าทำเนียบรัฐบาลที่ล็อกไว้ และอยู่ต่อเนื่อง ทำลายทรัพย์สินเสียหาย ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งหกฐานร่วมกันบุกรุกทำให้เสียทรัพย์นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้ง 6 ฟังไม่ขึ้น

ส่วนที่จำเลยทั้ง 6 ฎีกาขอให้ลงโทษสถานเบาหรือรอการลงโทษนั้น ศาลเห็นว่าเมื่อการกระทำของจำเลยทั้งหกและพวก ได้บุกเข้าทำเนียบซึ่งแม้เป็นสาธารณสมบัติ แต่ก็เป็นสถานที่บริหารราชการแผ่นดิน เป็นศูนย์รวมหน่วยงานราชการหลายแห่ง มีการทำลายทรัพย์สินหลายรายการ

ดังนั้น ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 6 คน เป็นเวลา 8 เดือน ไม่รอลงอาญานั้นเหมาะสมแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อศาลฎีกามีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้จำคุกคนละ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็จะนำตัว พล.ต.จำลอง, นายพิภพ, นายสมเกียรติ, นายสมศักดิ์, นายสุริยะใส ซึ่งเคยได้รับการประกันตัว ไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพเพื่อรับโทษตามคำพิพากษาต่อไป

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า