“สตีเฟน ซีกัล” ทูตพิเศษ เชื่อมสัมพันธ์รัสเซีย-สหรัฐฯ

รัสเซีย ดึงนักแสดงชาวอเมริกัน เจ้าของฉายา “จอมหักกระดูก” เป็นทูตพิเศษเชื่อมสัมพันธ์กับสหรัฐฯ

กระทรวงการต่างประเทศของรัสเซีย เปิดเผยผ่าน Russian Foreign Ministry – МИД России เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่า สตีเฟน ซีกัล นักแสดงชาวอเมริกันชื่อดัง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “ตัวแทนพิเศษของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย” ทำหน้าที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของรัสเซีย และสหรัฐอเมริกา โดยตำแหน่งดังกล่าว ไม่มีค่าตอบแทน และเป็นการทำหน้าที่คล้ายทูตสันถวไมตรีของยูเอ็น (องค์การสหประชาชาติ)

(วลาดิเมียร์ ปูติน พบกับ สตีเฟน ซีกัล เมื่อปี 2558 /  AFP)

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ปี 2559 ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ลงนามคำสั่งให้ สัญชาติพลเมืองรัสเซียแก่ “สตีเฟน ซีกัล” นักแสดงภาพยนตร์บู๊รุ่นใหญ่ แห่งวงการฮอลลีวูด โดยสำนักข่าวต่างประเทศในเวลานั้น ระบุว่า ที่ซีกัลได้รับสัญชาติรัสเซียนั้น เป็นการตบรางวัลจากรัฐบาลรัสเซีล

เนื่องจาก ซีกัล ได้ออกมาพูดถึงรัสเซียในทางที่ดี ในทำนองว่า รัสเซียเข้ามามีบทบาทในสาธารณรัฐไครเมีย ซึ่งเป็นการ “สมเหตุสมผล” มาก แม้ว่าการที่ไครเมีย ประกาศแยกตัวจากยูเครน มาเข้ากับรัสเซีย ในปี 2557 จะถูกชาติตะวันตกตำหนิรัสเซียอย้างกว้างขวาง ซีกัล ถูกพูดถึงว่า เป็นเพื่อนรักของประธานาธิบดีปูตินด้วย

สตีเวน ซีกัล “จอมหักกระดูก” ก่อนเข้าวงการ เขาเป็นอาจารย์สอน “ไอคิโด” ศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นครับ ต่อมาได้รับการสนับสนุนมห้เข้าวงการบันเทิง แสดงหนังเรื่องแรกก็รับบทพระเอกเลยในเรื่อง Above the Law ( นิโก้ ตำรวจหมื่นฟาเรนไฮต์) ปัจจุบัน อายุ 66 ปี

ความสัมพันธ์ของรัสเซีย ในยุคประธานาธิบดีปูติน กับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกจับตามองจากนานาชาติ และคนอเมริกันเอง เพราะรัสเซีย ถูกกล่าวหาว่า เข้ามาแทรงแซงการเลือกตั้งของสหรัฐฯ เมื่อปี ค.ศ. 2016 ทำให้ นายทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี

แต่หลังจาก ทรัมป์ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้ว เขาเคยทวีตข้อความในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า การสอบสวนของอัยการพิเศษสหรัฐฯ เรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้ง คือสาเหตุสำคัญของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับรัสเซีย

เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 61 ประธานาธิบดีปูติน มีการประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งดูเหมือนว่า การประชุมซัมมิตที่เพิ่งผ่านมา จะนำมาสู่การเชื่อมความสัมพันธ์ของสองประเทศมหาอำนาจให้พลิกฟื้นไปในทางที่ดีมากขึ้น

ขอบคุณภาพ Russian Foreign Ministry – МИД России / AFP