“สมศักดิ์” ย้ำพลังประชารัฐ ต้องชู “พล.อ.ประยุทธ์” นายกฯ อีกสมัยเท่านั้น

“สมศักดิ์ เทพสุทิน ชี้เลือกตั้ง 24 มี.ค. เหมาะสมที่สุดรู้วันชัดเจนจะได้เริ่มเสนอนโยบายเต็มรูปแบบ ประกาศถ้าประชาชนเลือกพลังประชารัฐได้สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำบวกกับที่ต่อยอดออกไป ส่วนบัญชีนายกฯ ของพรรค ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธคงตั้งหลักกันใหม่ไม่ทัน

วันที่ 23 ม.ค. เมื่อเวลา 17.00 น. พรรคพลังประชารัฐ นำโดย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งและแกนนำภาคอีสานลงพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม เพื่อพบปะประชาชน และนำเสนอแนวคิดนโยบาย พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. จังหวัดมหาสารคาม ทั้ง 5 เขต

นายสมศักดิ์ ขึ้นเวทีปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐ เป็นทางสายกลางที่ก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมขอให้เลือกผู้แทนของพรรคเพื่อที่จะได้เข้ามาแก้ปัญหา และต่อยอดนโยบายของรัฐบาล อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การผลักดันราคาข้าว ราคาพืชผลทางการเกษตรซึ่งหากประชาชนให้โอกาส จะเข้าไปผลักดันอีกหลายโครงการ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน อาทิ โคบาลประชารัฐ การพักหนี้ 3 ปีโดยไม่มีดอกเบี้ย

ส่วนการที่ กกต.ประกาศวันเลือกตั้ง 24 มี.ค.นี้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทราบวันเลือกตั้ง ส่วนตัวคิดว่าเป็นระยะเวลาไม่นานกำลังพอดี เพราะหลายพรรคการเมืองมีความพร้อมที่จะลงสนามการเลือกตั้งและนำเสนอนโยบาย ที่ผ่านมาพรรคการเมืองส่วนใหญ่ยังไม่ได้พูดนโยบายมีแต่วิพากษ์วิจารณ์กัน ตอนนี้เป็นเวลาทองของทุกพรรคที่จะเดินรณรงค์หาเสียงตามกฎกติกาที่กำหนด ขณะเดียวกัน ขอฝากทุกพรรคทำตามกติกาจะได้ไม่ต้องมาพูดกันถึงการเอาเปรียบ

ส่วนความชัดเจนการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี นายสมศักดิ์ บอกว่า ยังไม่มีมติทาบทามบุคคลใดเข้ารับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค แต่จากการประชุมเวทีใหญ่ที่ภาคเหนือ ได้เรียบเรียงและสอบถามประชาชนแทบทุกคนต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯ ด้วยหลายเหตุผลที่ดำเนินการแก้ปัญหาความขัดแย้ง จึงอยากให้เป็นนายกฯอีก 1 สมัย เพราะที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจึงอาจทำอะไรได้ไม่เต็มที่นอกจากนี้ มั่นใจว่า มติภาคเหนือตอนล่าง น่าจะเป็นเสียงใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐ แต่ทั้งหมดต้องรอมติพรรค ซึ่งจะมีการพูดคุยกันเร็วๆ นี้

เมื่อถามว่า หาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบรับการทาบทามจากพรรคพลังประชารัฐ นายสมศักดิ์ บอกว่า คงหาเสียงยากเพราะที่ผ่านมาในการรณรงค์หาเสียงได้เดินตามแนวทางผลงานของรัฐบาลมาตลอด ถ้าปฎิเสธคงเป็นเรื่องใหญ่และคงปรับตัวไม่ทัน