สาวพิการสมองฝ่อสู้ชีวิต ขายของออนไลน์ รักษาพ่อป่วยติดเตียง

สุดรันทด อดีตเจ้าหน้าที่ ม.ราชภัฏอุบลราชธานี เป็นโรคพันธุกรรมทำสมองฝ่อ ต้องดิ้นรนขายของออนไลน์เก็บกำไร 5-20 บาท เลี้ยงครอบครัว 4 ชีวิต พ่อป่วยติดเตียง ลูกชายพิการเท้าปุก สามีเสียชีวิตด้วยโรคหลอดเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก

เรื่องราวสุดรันทดนี้ถูกเปิดเผยโดย ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Randekdek Kidshop” เล่าถึงความลำบากและการสู้ชีวิตของตัวแทนจำหน่ายสินค้าสำหรับเด็กในเฟซบุ๊ก

หลังทราบเรื่อง เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านเลขที่ 313 หมู่ 4 ต.บุ่งไหม อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งลักษณะเป็นบ้านไม้ผสมปูนชั้นเดี่ยวยกพื้น ภายในบ้านพบ น.ส.ธนิดา หรือ (ตาล) ฉันเทียะ อายุ 35 ปี กำลังนั่งเล่นกับ ด.ช.รชานนท์ อาจต้น อายุ 9 เดือน (ลูกชาย) และแม่ นางมลิวัลย์ ฉันเทียะ อายุ 55 ปี กำลังดูแล นายปัญโญ ฉันเทียะ อายุ 59 ปี พ่อซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงเจาะคอและสมองฝ่อ ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆ ได้

สอบถาม น.ส.ธนิดา เปิดเผยว่า เรื่องราวอันสุดเศร้าว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวของตนมีฐานะปานกลาง ตนเรียนจบ ป.ตรี จากมหาวิทยาลัยการจัดการอีสเทิร์น ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จากนั้นได้ไปทำงานและมีสามีที่ จ.ปราจีนบุรี ก่อนจะกลับมาอยู่บ้าน ดูแลพ่อที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ ปอดติดเชื้อเจาะคอเป็นผู้ป่วยติดเตียง หลังจากกลับมาอยู่บ้านก็ได้สมัครเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี  ได้ 5 ปี ตนเองได้ตั้งครรภ์ 4 เดือนครึ่ง ร่างกายเริ่มมีอาการผิดปกติ เดินไม่ตรง มือสั่น   แพทย์ให้นอนรักษาตัวในโรงพยาบาลอยู่ประมาณ 1 เดือน ได้ข้อสรุปว่าโรคที่เป็นไม่สามารถรักษาได้ เนื่องจากเป็นโรคเฉพาะครอบครัว เป็นโรคทางพันธุกรรมสมองส่วนควบคุมฝ่อ ไม่มียาและวิธีรักษา

หลังจากตนเองคลอดลูกชายได้ 1 เดือน สามีก็มาเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากโรคเส้นเลือดในทรวงอกแตก เหมือนเด็กที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นโรคที่เฉียบพลันและรุนแรง ไม่สามารถรักษาได้ทัน เคราะห์ซ้ำยังไม่จบ ลูกชายที่เพิ่งเกิดมา กระดูกขาและเท้ามีการผิดรูปหรือเรียกว่าโรคเท้าปุก ต้องให้แพทย์เฉพาะทางและเงินในการรักษาจำนวนมาก แต่ด้วยสมาชิกทั้งบ้านป่วย มีเพียงแม่เพียงคนเดียวที่ดูแลคนป่วย 3 คน จึงทำให้ไม่มีรายได้เข้ามาในครอบครัว เว้นแต่เบี้ยคนพิการของตนเองและพ่อ คนละ 800 บาทต่อเดือน

ด้วยภาระในครอบครัวที่ต้องจ่ายค่าแพมเพิร์ส ค่านมของลูกชาย ของพ่อที่ป่วย สายยางดูดเสมหะ ชุดทำแผล ค่าอาหาร ค่าน้ำค่าไฟ ที่สูงกว่าเดือนละ 10,000 บาท ทำให้ตนเองต้องหารายได้เข้ามาช่วยเหลือครอบครัว ด้วยการเป็นตัวแทนขายของทางเฟซบุ๊ก ด้วยการรับเป็นตัวแทนขายสินค้ากลุ่มของเด็กมาขายบวกราคาเพิ่ม เช่น ทุนจากโกดังราคา 100 บาท ตนก็จะบวกเพิ่ม 5-20 บาท/ชิ้น ขึ้นอยู่กับชนิดของสินค้า เมื่อลูกค้าสั่งของโอนเงินมาให้ ตนก็จะโอนเงินไปให้โกดัง 100 เท่ากับต้นทุน แต่เมื่อโอนข้ามเขตก็จะเสียค่าธรรมเนียม ครั้งละ 10 บาท ทำให้กำไรที่ได้ก็ลดลงไปอีก

หากจะบวกกำไรเพิ่มก็จะกลายเป็นแพง ขายไม่ได้อีก เนื่องจากมีคนขายเยอะและตัดราคากัน บางวันขายได้ บางวันขายไม่ได้ บางครั้งทั้งอาทิตย์ขายไม่ได้เลยก็มี หากวันไหนลงขายเยอะ เฟซบุ๊กก็จะบล็อกเพราะถูกมองว่าเป็นสแปม บางครั้งก็โดนโกง โอนเงินไป ไม่ส่งของมาให้ก็มี

น.ส.ธนิดา ยังกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเป็นเสาหลักให้ครอบครัวหาเงินมาเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่ตอนนี้ทำอะไรก็ไม่ได้แถมยังเป็นภาระให้กับแม่อีก ยอมรับว่าเคยคิดฆ่าตัวตาย แต่ก็นึกถึงแม่ที่ยังสู้ดูแลเราและครอบครัวซึ่งมันหนักมากสำหรับแม่ตน จึงฮึดสู้ต่อเพื่อที่จะเป็นกำลังใจให้กันและกัน เลี้ยงลูกชายให้เติบโตขึ้นมา

หากถามว่าตอนนี้ต้องการความช่วยเหลืออะไรก็คงไม่พ้นเรื่องเงิน แต่ตนเองมีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือจากผู้ใจบุญ 2 เรื่องคือ หากท่านใดอยากได้ตัวแทนจำหน่าย ตนพร้อมที่จะรับสินค้ามาจำหน่ายทางเฟซบุ๊กเพื่อขอเป็นรายได้ในการเลี้ยงดูครอบครัว  อีกเรื่องตนอยากจะให้แพทย์เข้ามาศึกษาวิจัยโรคที่คนในครอบครัวตัวเองเป็นว่าเกิดจากอะไร และจะต้องทำการรักษาอย่างไร เพราะกลัวว่าอนาคตลูกชายของตนอาจจะเป็นเช่นเดียวกัน จึงอยากให้มีวิธีการรักษาเพื่อที่จะได้นำมารักษาลูกชาย หรือครอบครัวอื่นที่เป็นเช่นเดียวกัน

เบื้องต้นนักสังคมสงเคราะห์ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จังหวัดอุบลราชธานี ได้พิจารณาช่วยเหลือเป็นเงินช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาทางสังคมกรณีฉุกเฉิน จำนวน 2,000 บาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น มอบรถเข็นสำหรับคนพิการ เนื่องจากรถเข็นคันเดิมใช้งานมานาน สภาพชำรุดทรุดโทรม พิจารณาปรับสภาพแวดล้อมบ้านสำหรับคนพิการ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ประสบปัญหา สามารถดำรงชีวิตได้อย่างอิสระและเหมาะสม

ทั้งนี้ การรักษาเท้าของน้องเฟส ลูกชายของตาล ได้รับความอนุเคราะห์จากหมอเด็กที่กรุงเทพฯ บินมารักษาน้องโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยอาศัยพื้นที่ของโรงพยาบาลชุมชนในการรักษา แล้วก็บินกลับ

สำหรับประชาชนท่านใดมีความประสงค์จะช่วยเหลือครอบครัวของ น.ส.ธนิดา หรือ (ตาล) ฉันเทียะ สามารถบริจาคได้ที่ธนาคารกรุงไทย สาขาถนนชยางกูร หมายเลขบัญชี 321-0-40435-6 ชื่อบัญชี น.ส.ธนิดา หรือฉันเทียะ หรือโทรศัพท์ 06 – 4642 – 5571 หรือเฟซบุ๊กชื่อ Namtarn Nongface (https://www.facebook.com/namtarn.nongface)