ประเด็นคือ – พนักงานธนาคาร ที่เเฉแก๊งคอลเซ็นเตอร์ผ่านการไลฟ์สดทางสื่อโซเชี่ยล ได้เปลี่ยนที่สถานที่ทำงานจากที่เดิม ไปอยู่อีกเเห่ง เพื่อความปลอดภัย
จากกรณีพนักงานธนาคารสาว ที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรมาหลอกว่าบัญชีธนาคารของตนเองนั้นมีปัญหา และพัวพันกับการกู้เงินกับธนาคารแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ และให้โอนเงินไปทำการตรวจสอบเลขที่ธนบัตร ว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องก็จะโอนคืนให้
ทำให้สาวแบงก์ตัดสินใจแพร่ภาพสดทางเฟซบุ๊ก เพื่อแฉพฤติกรรมของแก๊งนี้ โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 60 ที่ผ่านมา จนมีทนายความชื่อดังคนหนึ่งออกมาให้ความเห็นว่า สาวแบงก์นำข้อมูลของลูกค้าออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน ซึ่งมีผลทางกฎหมาย และอาจจะถูกทางธนาคารไล่ออกได้ ทำให้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเซียล
ซึ่งล่าสุดในวันที่ 2 ธ.ค. 60 พนักงานสาวคนดังกล่าวให้สัมภาษณ์ว่า ไม่คิดว่าจะเป็นกระแสได้ขนาดนี้และไม่คิดว่าจะต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ ทางผู้บริหารก็ไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงแต่ให้ระวังตัว ซึ่งกลัวในเรื่องของความไม่ปลอดภัยมากกว่า
ส่วนที่มีข่าวลือว่าถูกไล่ออกนั้น ขอยืนยันว่ายังทำงานปกติ ผู้บริหารให้ความเป็นห่วงมากกว่า เพียงแต่ผู้บริหารให้เปลี่ยนสถานที่ก่อนเพื่อความปลอดภัย ส่วนที่ทนายความคนหนึ่งออกมาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็อยากจะให้ทนายคนนี้นำความรู้ที่มีไปช่วยกันปราบผู้ร้ายมากกว่า ไม่น่าจะนำมาโจมตีตน
“ถามว่าเราทำผิดกฎไหมก็ยอมรับว่าผิด แต่มันคือเหตุการณ์เฉพาะหน้า และเราไม่ได้ไปล้วงข้อมูลมาเล่นๆ แต่มันคือข้อมูลที่ทางมิจฉาชีพให้เรามาเอง โดยปกติถ้าไม่มีเหตุอันควรเราไม่สามารถนำข้อมูลลูกค้าออกมาได้อยู่แล้ว ข้อมูลลูกค้าถือเป็นความลับที่สุดของธนาคาร
“และตอนนี้ทางผู้บริหารก็ให้ตนอยู่เงียบๆ ก่อน เพราะเรื่องทั้งหมดได้ส่งต่อไปแล้วให้กับทางฝ่ายกฎหมายของธนาคาร ซึ่งเขาจะดำเนินการเอง น่าจะรัดกุมมากกว่าที่เราจะดำเนินการ”