สุดยื้อ ! วาฬเกยตื้นคลองนาทับ ผ่าซากพบถุงพลาสติก 80 ชิ้น ในกระเพาะอาหาร

สัตวแพทย์หญิงเผยเรื่องราวน่าเศร้า หลังพบวาฬนำร่องครีบสั้น ว่ายเข้ามาเกยตื้นในคลองนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ด้วยอาการเซื่อมซึม ไม่กินอาหาร สุดเวทนาก่อนตายขย้อนเอาพลาสติกออกมา 5 ชิ้น ผ่าซากถึงกับตะลึงพบถุงพลาสติก 80 ชิ้น 8 กิโลกรัม อยู่ในกระเพาะอาหาร

วันที่ 2 มิ.ย. 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก “Watchara Sakornwimon” ของ หมออุ๋ย วัชรา ศากรวิมล สัตวแพทย์ประจำศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โพสต์ภาพและข้อความหลังจากที่ไปช่วยเหลือวาฬนำร่องครีบสั้น ว่ายเข้ามาในคลองนาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตวาฬตัวนี้ได้ และพบภายหลังว่าในกระเพาะอาหาร มีถุงพลาสติกที่วาฬได้กินเข้าไปเป็นอาหารมากกว่า 80 ชิ้น ประมาณ 8 กิโลกรัม

https://www.facebook.com/watcharavet/posts/10156070428311140

โดยหมออุ๋ย ระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “ตั้งแต่เป็นหมอมาไม่เคยรู้สึกแย่เท่านี้เลย​ ทุกครั้งที่​มี​โลมาหรือวาฬเกยตื้นเราจะทำใจแล้วว่าอาการสัตว์​เหล่านี้คือวิกฤต​โอกาสรอดน้อย​ ทุกครั้งมันคือความท้าทายที่จะช่วยมันให้รอดแม้ว่าบางครั้งจะจบด้วยการชันสูตรก็ตามที​ ครั้งนี้​เป็นครั้งที่ปวดใจที่สุดเมื่อก่อนตายมันขย้อนเอาถุงพลาสติกออกมา 5 ชิ้น​ แต่ที่ปวดใจยิ่งกว่าคือการเจอขยะในกระเพาะ​ 8​ กิโลกรัม หรือขยะกว่า​ ​80 ชิ้น​ ถึง​แม้ว่าเจ้าวาฬนำร่องครีบสั้นจะป่วยแต่ถ้าไม่กินขยะเข้าไปด้วยโอกาสรอดคงเพิ่มขึ้น​ เศร้าว่ะเมื่อคนยังเป็นผู้ฆ่าสิ่งมีชีวิตต่าง​ ๆ​ ด้วยความมักง่าย ขอบคุณทุกคนจริง​ๆ​ ที่อดหลับอดนอนเฝ้ากัน​และช่วยกันผ่าซากจนข้ามวัน และชาวบ้านและคนในพื้นที่ที่ช่วยอำนวยความสะดวกทุกอย่าง ขอโทษด้วยนะวาฬนำร่องตัวแรกในชีวิต”

ต่อมา พบว่าเฟซบุ๊กเพจ ThaiWhales ได้โพสต์เล่าเหตุการณ์ไว้เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 61 ว่า นายสันติ นิลวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง แจ้งว่าพบวาฬนำร่องครีบสั้น Shortfined Pilot Whales ว่ายเข้ามาในคลองนาทับ ต.นาทับ อ.จะนะ จ.สงขลา ทีมสัตวแพทย์จึงได้เดินทางไปยังจุดดังกล่าว โดยทำการย้ายวาฬจากจุดที่พบซึ่งเป็นที่โคลน น้ำไม่ค่อยดี มาอยู่บริเวณใกล้เคียงหลังแนวกั้นคลื่น เพื่อทำการช่วยเหลือวาฬ โดยเป็นวาฬนำร่องครีบสั้น เพศผู้ ยาว 4.5 เมตร น้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม มีอาการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถว่ายน้ำเอง เซื่องซึม ไม่กินอาหาร โดยสัตวแพทย์ได้ให้น้ำเกลือผสมกูลโคสทางสายยาง ให้ยาทางเลือด เช็ดขูดเนื้อตายออกตรงปากล่างด้านซ้าย และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด

ต่อมา เช้าวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา วาฬมีอาการดิ้น สัตวแพทย์พบถุงพาสติกที่มีเมือกและกลิ่นเหม็นฉุนคล้ายเวลาตอนผ่าวาฬ และยังมีถุพลาสติกลอยน้ำมา กระทั่งช่วงบ่ายวาฬดิ้นแรงขึ้น พยายามสำรอกเอาถุงพลาสติกเมือกออกมา 2-3 ครั้ง และไม่มีเสียงหายใจออกของวาฬ และไม่มีสัญญาณชีพจร แม้สัตวแพทย์จะช่วยกันปั้มหัวใจแต่ไม่เป็นผล สุดท้ายวาฬได้ตายลงแม้สัตวแพทย์จะช่วยชีวิตอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม

จากนั้นได้ย้ายซากวาฬไปที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง เพื่อทำการผ่าพิสูจน์ พบว่าอวัยวะหลายอย่างไม่ปกติ มีพยาธิในหลายอวัยวะ และเมื่อกรีดหลอดอาหารไปจนถึงปลายสุดของกระเพาะอาหาร พบถุงพลาสติก 85 ชิ้น น้ำหนักรวม 8 กิโลกรัม คาดว่าสาเหตุน่าจะมาจากวาฬได้กินขยะถุงพลาสติกที่ลอยน้ำมา แล้วสะสมในกระเพาะอาหารจนเสียชีวิต

https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1988559954550473.1073741896.178655772207576&type=3