
ลมหายใจนี้เพื่อลูก !ครูอัตราจ้าง แม่ลูกสอง วัย 37 ป่วยมะเร็งเต้านมระยะสุดท้าย ไตวาย เยื่อบุหัวใจรั่ว ซ้ำมะเร็งลามกระดูกและต่อมน้ำเหลือง วอนช่วยค่ารักษา
วันที่ 13 ก.ค. 60 คุณวาสนา เพิ่มทรัพย์ เปิดเผยข้อมูลกับ “ทีมข่าวเวิร์คพอยท์” ด้วยอาการเหนื่อยหอบว่า เธอได้ส่งข้อความขอความช่วยเหลือเรื่องค่าใช้จ่ายผ่านทางเพื่อนคนหนึ่ง เนื่องจากเธอมีความจำเป็นต้องใช้เงินในการรักษาตัว ซึ่งต้องรักษาระยะยาว รายรับไม่พอกับรายจ่าย เพราะส่วนตัวเธอเองมีอาชีพเป็นครูอัตราจ้าง ซึ่งเพิ่งทำงานดังกล่าวได้เพียง 2 ปี เพราะก่อนหน้านี้ตั้งแต่เรียนจบมาเธอผ่านการทำงานมาหลากหลาย โดยเงินเดือนที่ได้รับในตำแหน่งครูอัตราจ้างก็เพียงเดือนละ 9,000 บาท เท่านั้น ลำพังแค่เลี้ยงตัวเองก็ค่อนข้างหนักแล้ว แต่ที่เป็นห่วงมากที่สุดคือลูกสาวตัวน้อยทั้ง 2 คน วัย 4 ขวบ และ 6 ขวบ แล้วตอนนี้เธอยังมาป่วยหนักอีก จึงทำให้เธอรู้สึกทุกข์ใจมาก

ขณะที่สามีของคุณวาสนานั้นมีอาชีพรับราชการเป็นทหารพลอาสาสมัคร เงินเดือนหมื่นกว่าบาท ซึ่งเมื่อนำเงินเดือนมารวมกันแล้ว หากไม่ต้องรักษาตัวก็พอประทังชีวิตครอบครัว 4 คน พ่อ แม่ ลูก ไปได้บ้าง แม้จะลำบากและมีหนี้สินที่ต้องนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัว แต่ก็มีสภาพร่างกายที่ยังสามารถทำงานได้ แต่เมื่อต้องรักษาตัวทำให้เกิดรายจ่ายเกินกว่าจะแบกไหว เพราะใช้สิทธิ์ข้าราชการของสามีในการเบิกเงินค่ารักษาของเธอได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ส่วนอีกครึ่งหนึ่ง ซึ่งตกครั้งละหลายหมื่นบาทต้องออกค่าใช้จ่ายเอง โดยใน 1 เดือน หมอนัดมากกว่า 1 ครั้ง ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกมืดมนและอับจนหนทางอย่างยิ่ง เพราะหลังจากให้คีโมครั้งแรกมาแล้ว เธอมีอาการอ่อนเพลียอย่างหนัก ผมร่วง ไม่สามารถทำงานเช่นคนปกติได้ จากคนที่สามารถช่วยหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ทำให้ตอนนี้นอกจากไม่สามารถหาเงินได้แล้ว เธอยังรู้สึกเป็นภาระ ที่แม้แต่การช่วยเหลือตัวเองในกิจวัตรประจำวัน เธอก็ไม่สามารถทำได้ แม้แต่การนั่ง ซึ่งตอนนี้เธอต้องนอนตลอด 24 ชั่วโมง น้ำหนักลดเหลือเพียง 30 กว่ากิโลฯ

คุณวาสนาเล่าย้อนถึงเหตุการณ์วันฟ้าถล่มชีวิตให้ฟังว่า วันหนึ่งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2560 ที่ผ่านมา เธอคลำเจอก้อนที่นมด้านซ้าย ซึ่งก้อนดังกล่าวกดไม่เจ็บ แน่นอนว่าเธอได้เคยอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับมะเร็งมาบ้าง ประกอบกับค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอาการนำของโรคดังกล่าวจากอินเทอร์เน็ตและอ่านหนังสือ ซึ่งหลายๆ อย่างค่อนข้างตรงกับภาวะอาการที่เกิดขึ้นกับเธอ คุณวาสนาบอกว่าตอนนั้นเธอเริ่มกังวล และค่อนข้างแน่ใจว่าตัวเองอาจเป็น “มะเร็ง” แต่ด้วยความที่มีภาระทั้งเรื่องงานและครอบครัว เธอจึงยังไม่ได้ไปหาหมอ กระทั่งมีอาการปวดหลังอย่างหนักจนนอนไม่ได้ เธอจึงไปทำแมมโมแกรมที่โรงพยาบาลภูมิพลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังจากนั้น 1 อาทิตย์ ก็ทราบผลว่าเป็น “มะเร็งเต้านม” ในระยะสุดท้าย

“ตอนที่ทราบผล เหมือนโลกถล่ม มันมืดไปหมด คิดถึงลูกว่าลูกจะอยู่กับใคร ถ้าขาดเราไปก็ลำบาก ลำพังพ่อเขาเองคงเลี้ยงไม่ไหว เรามีพี่น้องถึง 8 คน ก็จริง แต่ว่าแต่ละคนก็ไม่ได้มีฐานะอะไร ทุกคนต่างก็มีภาระกันทั้งนั้น”คุณวาสนา กล่าวด้วยอาการเหนื่อยหอบ
และบอกว่าส่วนหนึ่งที่เธอพูดแล้วรู้สึกเหนื่อยหอบขนาดนี้ น่าจะเป็นเพราะเธอเป็นเยื่อบุหัวใจรั่วแต่กำเนิดด้วย ประกอบกับเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา คุณหมอนัดตรวจและพบว่าเธอมีอาการ “ไตวาย” ซ้ำร้ายไปกว่านั้นคือ “มะเร็ง” ได้ลุกลามไปที่ “ต่อมน้ำเหลือง” และ “กระดูก” ซึ่งภาวะโรคที่ถาโถมเข้าใส่ขนาดนี้จึงเป็นเหตุให้เธอไม่สามารถลุกไปไหน หรือทำอะไรได้เลย โดยขณะนี้เธอนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลภูมิพล แม้ความหวังจะเหมือนดวงไฟที่ค่อยๆ ดับลงทีละดวง แต่ “ลูกสาว” ตัวน้อยทั้งสอง คือ “พลัง” ที่ทำให้เธออยากสู้เพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป

ในขณะที่เงินเดือนที่เธอเคยได้รับกำลังจะยุติลงในอีก 3 เดือนนี้ เนื่องจากเธอไม่สามารถไปทำงานได้ คุณคือคนหนึ่งที่จะสามารถช่วยต่อความหวัง เติมลมหายใจ ให้กับผู้หญิงที่กำลังประสบความทุกข์อย่างแสนสาหัสคนนี้ได้
ผู้ประสงค์ให้ความช่วยเหลือ คุณวาสนา เพิ่มทรัพย์ สามารถบริจาคเงินได้ที่ ธนาคารกรุงไทย สาขารามอินทรา กม.2 ชื่อบัญชี น.ส.วาสนา เพิ่มทรัพย์ หมายเลขบัญชี 060-097-638-6

คุณวาสนา เมื่อครั้งร่างกายยังไม่เจ็บป่วย