SHARE

คัดลอกแล้ว

 

นายสุริยะใส กตะศิลา แกนนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โพสต์ข้อความขอบคุณทุกกำลังใจ ไม่เสียใจ แค่เสียดาย ว่าไม่ได้อยู่ร่วมภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองกับพี่น้อง ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองยังไม่ปลอดภยดีนัก หลังถูกศาลฎีกาสั่งจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา

วันที่ 13 ก.พ. 62 หลังจากการการพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีปิดทำเนียบรัฐบาล ปี 2551 สั่งจำคุก 8 เดือน ไม่รอลงอาญา 6 แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ประกอบด้วย  พล.ต.จำลอง ศรีเมือง อายุ 83 ปี , นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปี , นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปี , นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปี นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปี และนายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปี

ต่อมา นายสุริยะใส กตะศิลา ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กของตนว่า “ขอบคุณทุกกำลังใจจากพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและพี่น้องมวลมหาประชาชนทุกคนครับ พวกเราทำดีที่สุดแล้ว อย่าหมดศรัทธา อย่าสิ้นหวัง ประเทศยังต้องการกำลังของแผ่นดินแบบพวกเราอยู่เสมอ

“ผมไม่เสียใจ แค่เสียดาย ว่าไม่ได้อยู่ร่วมภารกิจเพื่อชาติบ้านเมืองกับพี่น้อง ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองยังไม่ปลอดภัยดีนัก และประชาธิปไตยยังถูกบิดเบือนอยู่ พวกเราต้องช่วยกันต่อไป ขอให้พี่น้องทั้งพันธมิตรฯ และมวลมหาประชาชนเดินหน้ารักษาบ้านเมืองช่วยกันต่อไปครับ ขอบคุณครับ”

โดยคดีดังกล่าว อัยการโจทก์ฟ้อง ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 25 พ.ค.2551 ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งมีจำเลยดังกล่าวเป็นแกนนำจัดปราศรัยชักชวนประชาชนเข้าร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน เพื่อกดดันให้ นายสมัคร สุนทรเวช ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

โดยเคลื่อนขบวนฝ่าแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไปทำเนียบรัฐบาล และกระจายกำลังปิดล้อมสถานที่ราชการ เช่น สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถานีวิทยุกระจายเสียง กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรฯ

ต่อมาหลังจากนายสมัคร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แล้วนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน และมีกำหนดวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในวันที่ 7 ต.ค. 51 ปรากฏว่า วันที่ 26 ส.ค.51 เวลากลางวัน จำเลยทั้ง 4 กับพวก ได้เคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล โดยปิดล้อมทางเข้าออกทำเนียบทุกด้าน ได้ใช้เครื่องมือทำลายกุญแจประตูทำเนียบ และทำลายแผงกั้นที่เจ้าหน้าที่ใช้ควบคุมดูแลความสงบในทำเนียบ

จนถึงวันที่ 3 ธ.ค.51 พวกจำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาต ได้ร่วมกันรื้อทำลายสิ่งกีดขวาง แล้วปีนรั้วเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล รวมทั้งนำรถยนต์ 6 ล้อที่ติดเครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ ไปจอดหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาลแล้วผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย

และช่วงวันที่ 26 ส.ค. – 3 ธ.ค.51 ระหว่างที่พวกจำเลยจัดเวทีปราศรัยในทำเนียบรัฐบาลซึ่งมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก เหยียบสนามหญ้าและต้นไม้ประดับจนตาย และยังทำให้ระบบสปริงเกอร์อัตโนมัติ ระบบไฟสนาม หน้าตึกไทยคู่ฟ้าและหน้าตึกสันติไมตรี ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้รับความเสียหายรวม 5 ล้านบาท

อีกทั้ง เมื่อมีฝนตก ทำให้น้ำฝนซึมเข้าขังในถุงดำที่ห่อหุ้มกล้องวงจรปิด ทำให้ระบบอิเล็กโทรนิกส์ของกล้องเสียหายรวม 10 ตัว ค่าเสียหายอีก 1,766,548 บาท โดยจำเลยทั้ง 6 คนให้การปฏิเสธ

คดีนี้ ศาลชั้นต้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยทั้ง 6 เป็นความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ และร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป พิพากษาว่าจำเลยที่ 1-6 กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 358, 365 อนุมาตราสอง ,362 และ 83การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดในความผิดฐานบุกรุกสถานที่ราชการ จำคุกคนละ 3 ปี แต่คำให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 2 ปี

ต่อมาจำเลยทั้ง 6 ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี และ ศาลอุทธรณ์ ได้พิพากษาว่า จำเลยทั้ง 6 บุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาลนานถึง 90 วัน ซึ่งผู้ชุมนุมไม่สามารถดำเนินการด้วยตนเองได้ มีการใช้คีมตัดโซ่คล้องกุญแจประตูทำเนียบรัฐบาล ฝ่าแผงเหล็กกั้นอลูมิเนียมเข้าไปภายในทำเนียบรัฐบาล เป็นความผิดฐานร่วมกันบุกรุกสถานที่ราชการโดยทำให้เสียทรัพย์ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญานั้น ถือว่าหนักเกินไป เห็นควรแก้โทษให้เหมาะสม พิพากษาให้จำคุก คนละ 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา

ต่อมาจำเลยทั้ง 6 ยื่นฎีกาต่อ โดย ศาลฎีกา ได้พิพากษาว่า การชุมนุมไม่ได้เป็นไปอย่างสงบตามที่จำเลยกล่าวอ้าง เพราะพฤติการณ์ของจำเลยและผู้ชุมนุมได้ปีนรั้วเข้าทำเนียบรัฐบาลที่ล็อกไว้ และอยู่ต่อเนื่อง ทำลายทรัพย์สินเสียหาย ดังนั้นที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยทั้งหกฐานร่วมกันบุกรุกทำให้เสียทรัพย์นั้นชอบแล้ว

ดังนั้น ศาลฎีกาจึงเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์จึงตัดสินลงโทษจำคุกจำเลยทั้ง 6 คน เป็นเวลา 8 เดือน ไม่รอลงอาญานั้น เหมาะสมแล้ว

https://www.facebook.com/K.Suriyasai/posts/2506036842803505

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุก 6 แกนนำพันธมิตรฯ 8 เดือน ไม่รอลงอาญา คดียึดทำเนียบปี 51

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า