หญิงหน่อย ตอบแล้ว! เพื่อไทยใส่ชื่อ “ชัชชาติ” แคนดิเดตนายกฯ ด้านชัชชาติขอให้มองทีมเวิร์ค

ภาพ: ภานุมาศ สงวนวงษ์ / Thai News Pix

พรรคเพื่อไทย ปรับยุทธศาสตร์ ใส่ชื่อ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ในบัญชีนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันเรื่องนี้ไม่ใช่กระแสข่าว แต่ได้พูดคุยกันในพรรคแล้ว พร้อมปฏิเสธจับมือประชาธิปัตย์จัดตั้่งรัฐบาลร่วม ด้านนายชัชชาติ ระบุ ภาพรวมทั้งประเทศคะแนนนิยมยังไม่มาก ขอให้มองการทำงานเป็นทีม

เมื่อเวลา 07.00 น. วันนี้ (1 ม.ค.61) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย นำสมาชิกพรรคเพื่อไทย และคณะร่วมกันทำบุญตักบาตรเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่กับประชาชนที่พาครอบครัวมาทำบุญเพื่อเป็นสิริมงคล ณ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร คุณหญิงสุดารัตน์ ได้กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความชัดเจนหาก พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ว่า ถ้าเป็นไปตามที่ประกาศไว้ว่า พ.ร.ฎ.การเลือกตั้งจะมีขึ้นในวันที่ 2 ม.ค.62 เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งแน่นอน ดังนั้น ความชัดเจนในการปฎิบัติหน้าที่เป็นเรื่องของการสร้างความเชื่อมั่นต่อการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมาคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการหรือเป็นรัฐบาลรักษาการ จะไม่มีอำนาจในการใช้งบประมาณและไม่มีอำนาจในการโยกย้ายข้าราชการ โดยทำหน้าที่ปฎิบัติงานตามวาระประจำเท่านั้น เพื่อให้งานของแต่ละกระทรวงขับเคลื่อนไปได้ในระยะเวลาสั้นๆ ในช่วงที่มีการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ เหตุที่รัฐบาลรักษาการไม่มีอำนาจในการใช้งบประมาณและไม่มีอำนาจในการโยกย้ายข้าราชการ เพราะอาจไปเข้าข้างพรรคของตนเองหรือพรรคที่จะสนับสนุนตนเอง โดยในอดีตที่ผ่านมาการเลือกตั้งทุกครั้งก็วางหลักเกณฑ์แบบนี้ เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ครั้งนี้กลับมีการให้อำนาจนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีอำนาจเต็ม เหมือนกับไม่ได้อยู่ในช่วงการเลือกตั้ง รวมทั้งยังมีมาตรา 44 ทำให้เกิดความกังวลต่อความเชื่อมั่นทั้งคนไทยและนานาประเทศที่มีต่อการเลือกตั้ง เพราะอำนาจการเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์และไม่ยุติธรรม ทำให้คนในประเทศและนานาชาติไม่เชื่อมั่นและไม่ยอมรับก็จะกลายเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าประเทศ และการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
ดังนั้น เพื่อประโยชน์ส่วนรวม พล.อ.ประยุทธ์ และคสช. ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และยุติธรรม รวมถึงอำนาจที่ตนเองถืออยู่อย่างมากมายจะทำอย่างไรที่ไม่ใช้อำนาจเหล่านั้นมายุ่งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง

ส่วนกระแสข่าวการเลื่อนเลือกตั้งนั้น คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน เพราะประชาชนต้องการการเลือกตั้ง คาดว่าหลังจากนี้คงจะมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ที่ผ่านมาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ไม่เคยติดต่ออะไรมา หากมีการเลื่อนการเลือกตั้งคิดว่าปัญหาไม่ได้เกิดจากพรรคการเมือง คนที่รอการเลือกตั้งคือประชาชนส่วนใหญ่ และเชื่อว่าจะเกิดผลกระทบต่อความเชื่อมั่นกับผู้ค้าผู้ลงทุนอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ คุณหญิงสุดารัตน์ยังปฏิเสธกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทย จะไปจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันโดยมีคุณหญิงสุดารัตน์เป็นผู้เจรจานั้น โดยยืนยันว่า “ไม่มีการพูดคุยกับใครใดๆทั้งสิ้น” พร้อมกล่าวว่า ตนไม่ได้พูดคุยใดๆกับใครเลย เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ ขณะนี้ต้องเสนอนโยบายให้กับประชาชน และยังยืนยันว่าไม่ทราบเรื่อง เพราะหลายคนต้องทำหน้าที่หาเสียงก่อน นอกจากนี้ กล่าวว่า คงลำบากใจหากจะจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคเพื่อไทยอยากให้เกิดการคืนประชาธิปไตย เพื่อให้หมดข้อกังขา และ ให้ผู้ค้าต่างประเทศรวมถึงนักลงทุนกระเตื้องขึ้นได้ โดยมีทางเดียวคือความเป็นประชาธิปไตยที่เป็นสากล ดังนั้นคนที่เราจะทำงานด้วย ต้องเป็นพรรคการเมือง ที่ไม่ได้สนับสนุนอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ และไม่เป็นพรรคการเมือง ที่สนับสนุน คสช.

ภาพ: เฟซบุ๊ก คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ Sudarat Keyuraphan

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม ถูกวางให้อยู่ในบัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทยแทน คุณหญิงสุดารัตน์ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่กระแสข่าว แต่ได้พูดคุยกันในพรรคแล้ว โดยตนกับนายชัชชาติ จะทำงานด้วยกัน และส่งเสริมซึ่งกันและกัน

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม และสมาชิกพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ (28ธ.ค.61) ต่อกรณีคะแนนนิยมที่ในโลกออนไลน์ที่มีมากกว่าคุณหญิงสุดารัตน์ และกระแสสนับสนุนให้ลงรายชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 ของพรรคเพื่อไทยนั้น ซึ่งนายชัชชาติ กล่าวว่า อยากให้มองเป็นทีม ไม่มีใครคะแนนนิยมมากกว่าใคร พร้อมมองว่าคะแนนนิยมของตนเองนั้นมีแค่กลุ่มโซเชียลมีเดียเท่านั้น แต่โดยภาพรวมทั้งประเทศ ยังมีคนที่ไม่รู้จักอีกมาก โดยเฉพาะ ต่างจังหวัด อย่าไปคิดว่าคะแนนนิยมใครมากกว่าใคร ซึ่งในอนาคตต้องทำงานเป็นทีม นำความรู้ที่มีมาช่วยกัน ไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง

“ไม่มีแล้วซูเปอร์แมนในอนาคต มันต้องช่วยกัน และคะแนนนิยมผมไม่ได้เยอะนะเอาจริงๆ ต่างจังหวัดนี่ไม่รู้จักผมเลย อาจจะรู้เฉพาะในโซเชียลมีเดีย ที่ผมถือถุงแกง ก็ยังมีคนยังจำรูปนั้นได้อยู่มั้ง จริงๆแล้ว มันก็ไม่ได้เกี่ยวโยงกับความเป็นจริงเท่าไหร่ “

นอกจากนี้ ได้เผยถึงเหตุผลการเลือกไปต่อในเส้นทางการเมืองกับพรรคเพื่อไทยว่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ปฏิเสธร่วมทีมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ร่างแผนประเทศด้านการแข่งขันกับรัฐบาล คสช. ว่า เพราะเคยทำงานร่วมกับพรรคเพื่อไทย จากที่เคยร่วมทำงานกันมา ซึ่งมีหลักการตรงกัน นั่นคือ “เน้นเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง” ที่มีหลักวิธีการคิด คุ้นเคยกับระบบและแนวคิดของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว ส่วนที่เคยปฏิเสธร่วมเป็นคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ เพราะไม่ได้อยากได้ตำแหน่งอะไร อยู่ตรงไหนที่สบายใจดีที่สุด ผมคิดว่าหลักการมันตรงกัน ตรงกับเรา ผมว่าอยู่ตรงจุดไหนมันก็ช่วยได้ทั้งนั้นแหละ เผอิญเราอยู่ที่เพื่อไทยมาก่อน เราคิดว่าหลักการเขาตรงกับเรา

สำหรับปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ที่มองว่าต้องเร่งแก้ไข มีหัวใจหลัก 3 เรื่อง คือ ปัญหาเศรษฐกิจ คอรัปชั่น และยาเสพติด โดยเฉพาะปัญหาคอรัปชั่น ที่ประชาชนสะท้อนถึงระดับรายย่อย จนเป็นต้นทุนของประชาชนทุกคน