หนุ่มคลั่ง! จุดไฟเผาบ้านตัวเองวอด เขียนข้อความตัดพ้อ ระบุ ‘เผาสังเวยให้ข้าราชการ’

หนุ่มเมืองเลยมีอาการคลั่ง เผาบ้านตัวเองวอดทั้งหลัง พร้อมเขียนระบายความคับแค้นใจลงแผ่นไม้ ระบุ ‘ขอเผาสังเวย ให้ข้าราชการไทย ที่รับเงินคนจนๆ’ ตร.นำตัวดำเนินคดี

วันที่ 24 ก.ย. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.ท.ศราวุธ แสนสุรวงศ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองเลย ได้รับแจ้งว่า มีเหตุไฟไหม้บ้านเลขที่ 16/32 ซอยไทยอาหลั่ย ด้านหลังโรงแรมม้วนมณี ถนนนกแก้ว ต.กุดป่อง อ.เมืองเลย จ.เลย หลังรับแจ้งจึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาทราบ รีบรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการ จ.เลย นายสัมพันธ์ คูณทวีลาภผล นายกเทศมนตรีเมืองเลย และรถดับเพลิงของเทศบาลเมืองเลย เทศบาล ต.นาอาน

ที่เกิดเหตุพบบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นปูน ชั้นบนเป็นไม้ เพลิงได้ไหม้ลุกลามไปจนหมดทั้งหลัง และลุกลามติดบ้านของเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันได้รับความเสียหายบางส่วน จำนวน 2 หลัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมฉีดน้ำสกัดเพลิง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบลง

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบข้อความที่ถูกเขียนไว้บนแผ่นป้ายไม้ เชิงคับแค้นใจ ระบุว่า “ผมขอเผาสังเวย ให้ข้าราชการไทย ที่รับเงินคนจนๆ นี้ไม่ผิดแต่ไม่แยแส ผมไม่จน แต่ไม่มีจ่าย เพราะคนเลวเอาไปหมด เหลือเพียงบ้านชีวิตไม่เป็น”

และอีกความว่า “สวัสดีครับ พอดีมือดีๆ อยู่ดีๆ เสีย แต่ในความเลวย้อมดีเสมอ ผมยังเหลือเพื่อนบ้านดีๆ ที่หาความจริงไม่ได้ แต่พวกเขาทำหมูตุ๋นทุกวัน เพื่อให้ผมให้ลูกร้องด้วยความเจ็บปวด ผมต้องทำตามบังคับให้ขุดดินแล้วจะได้เจอลูก แต่ไม่เคยเจอ ส่วนผมเมื่อไหร่ที่หลับ จะมีเปลือกหอยในซอกเหงื่อมันเจ็บมาก ทั่วร่างกายใจ แต่ผมยืนยันไม่มีโกรธแค้นบอกที่ผิด”

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบกับเจ้าของบ้าน ที่ยืนดูเพลิงไหม้บ้านของตนเองจนเหลือแต่ซาก และเป็นผู้วางเพลิงเผาบ้านตนเอง ทราบชื่อคือ นายยุทธชัย อร่ามมงคลชัย อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวไปสอบสวน ที่ สภ.เมืองเลย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จากการสอบสวนในเบื้องต้นทราบว่า นายยุทธชัย อร่ามมงคลชัย อายุ 32 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียว มีประวัติทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเสียชีวิต ศาลสั่งจำคุก 3 ปี และเพิ่งจะออกจากคุกมาได้ 2 ปี มีอาการป่วยเหมือนคนเป็นโรคจิต ไม่สุงสิงกับใคร มีปัญหากับเพื่อนที่อยู่ข้างเคียงมาตลอด และได้มาก่อเหตุเผาบ้านตนเองจนได้รับความเสียหายทั้งหลัง และลุกลามไปยังบ้านเรือนของเพื่อนบ้านได้รับความเสียหายอีก 2 หลัง ดังกล่าว