ประเด็นคือ- หนุ่มขนส่งเชียงใหม่อารมณ์ร้อน ชักปืนขู่หญิงท้องแก่กลางสี่แยก เหตุฉุนขับช้า-เบรกบ่อย ตำรวจตามจับทันควันที่แท้ปืนปลอม อ้างรีบเอาเงินเข้าธนาคาร ไม่รู้ข้างหน้ามีรถหลายคัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จังหวัดเชียงใหม่ มีผู้เสียหายเป็นหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือน นำภาพจากกล้องวงจรปิดหน้ารถเข้าแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก อ.เมืองเชียงใหม่ หลังจากถูกรถยนต์เก๋งคันหนึ่ง ขับจี้ท้าย ก่อนแซงซ้ายและชักปืนยืนออกมาข่มขู่ สร้างความตกใจจึงตัดสินใจแจ้งความเป็นหลักฐานเพื่อความปลอดภัย
จากคลิปเป็นภาพจากกล้องหน้ารถ เหตุการณ์เกิดขึ้น เวลา 17.31 น. (2 เ.ม.ย.61) ขับมาตามถนนโชตนา (ขาออก) โดยชิดช่องขวาเพื่อเตรียมเลี้ยวขวาบริเวณสี่แยกข่วงสิงห์ที่อยู่ข้างหน้า เมื่อขับผ่านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ได้มีรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า วีออส สีบรอนด์เงิน ทะเบียน กพ 9677 เชียงใหม่ ขับจี้ท้ายและกดแตรไล่หลายครั้ง ทั้งที่ตนเองขับรถมาตามปกติและไม่สามารถขับต่อไปได้ เนื่องจากมีรถด้านหน้าหลายคัน
เมื่อขับถึงสี่แยกข่วงสิงห์ ตนเองได้เลี้ยวขวา จังหวะนั้นรถเก๋งคันที่ตามมาได้แซงซ้าย พร้อมกับชักปืนพกสั้นยื่นออกมานอกกระจกรถข่มขู่ ทำให้เกิดหวาดกลัวเป็นอย่างมากเพราะขับมาคนเดียวและยังท้องแก่ หลังจากนั้นจึงตัดสินใจนำคลิปเข้าแจ้งความที่ สภ.ช้างเผือก
ช่วงเช้าวันนี้ ( 3 เม.ย.61) และนำตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวที่โรงพัก ต่อมาช่วงเช้าวันนี้ ( 3 เม.ย.61) ชุดสืบสวน สภ.ช้างเผือก นำตัวนายธนารัตน์ เจ้ยไธสงค์ อายุ 31 ปี ผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ธุรการ สถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 1 หรือ ขนส่งช้างเผือก จากบ้านพักมาแจ้งข้อกล่าวหา ข่มขู่ทำให้ผู้อื่นตกใจกลัวที่โรงพัก หลังจากตรวจสอบข้อมูลป้ายทะเบียน
จากการสอบสวนนายธนารัตน์ สารภาพว่า ได้ขับรถตามหลังผู้เสียหายและโมโหที่ผู้เสียหายขับรถช้าและเบรกอยู่หลายครั้ง ประกอบกับตนเองกลัวว่าจะนำเงินของสถานีขนส่งไปเข้าธนาคารไม่ทัน จึงหงุดหงิด กดแตรไล่ เมื่อถึงสี่แยกข่วงสิงห์ตนเองตั้งใจจะเลี้ยวขวาเหมือนกับผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายก็ขับช้าและปิดช่อง ทำให้เลี้ยวขวาไม่ได้จึงต้องตรงไปแทน จึงหงุดหงิดชักปืนอัดลมออกมาขู่ โดยไม่ติดว่าจะถูกแจ้งความ
นายธนารัตน์ บอกว่า ไม่รู้ว่าผู้เสียหายเป็นผู้หญิงขับมาคนเดียวและก็ไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ทำให้ต้องขับช้าและเบรกหลายครั้งเพื่อความปลอดภัย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอโทษผู้เสียหายและจะไม่ทำแบบนี้อีก
พ.ต.อ.ปิยะพันธ์ ภัทรพงศ์สินธุ์ รองผู้บังคับการจังหวัดเชียงใหม่ ระบุว่า คดีนี้แม้จะเป็นความผิดเล็กน้อย แต่ได้สั่งให้พนักงานสอบสวนพิมพ์ลายนิ้วมือและนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องศาล ไม่ให้เปรียบเทียบปรับที่โรงพัก เพื่อให้มีประวัติในระบบและให้หลาบจำไม่ไปทำอีก
นอกจากนี้ พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ยังได้สั่งการให้ทุกโรงพักใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน ให้ส่งผู้ต้องหาในคดีลักษณะนี้ให้ศาลพิจารณาตัดสิน ไม่ให้เปรียบเทียบปรับที่โรงพัก เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง และเพื่อป้องปรามสร้างความปลอดภัย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่จะมีปริมาณรถคับคั่งบนท้องถนน