SHARE

คัดลอกแล้ว

เกิดเหตุชายหัวร้อนอ้างเป็นตำรวจสืบสวน สน.ประเวศ ข่มขู่ 2 พ่อลูก โดยกล่าวหาว่าขับปาดหน้ารถ จนต้องเบรกตัวโก่ง แถมบอก ระวังตัวให้ดีๆ มีปืนอยู่หน้ารถ

วันที่ 24 มิ.ย. 62 ผู้สื่อข่าวได้เปิดเผยคลิปที่ถูกเผยแพร่โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เป็นภาพเหตุการณ์ที่มี ชายวัยกลางคนคนหนึ่ง ที่อยู่ในอาการหัวร้อน ใส่พระเครื่องเต็มคอขับรถกระบะอีซูซุ สีดำ เข้ามาต่อว่าชายคนขับรถกระบะ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย บริเวณหน้า ซ.พัฒนาการ 58 เขต สวนหลวง กรุงเทพ ซึ่งจับใจความได้ว่า เขาขับรถมาทางตรง เบรกตัวโก่ง ทำไมฝั่งกระบะไม่ดูรถ ถ้าเขาชนจะทำอย่างไร พร้อมกับทำร้ายด้วยการตบหัว และมีการอ้างว่าเป็น ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.ประเวศ โดยไม่มีการแสดงบัตรเจ้าหน้าที่ และยังชี้หน้าข่มขู่กล่าวหาเจ้าของคลิปที่นั่งในรถ ว่าติดยาเสพติดและเมา จะจับไปตรวจฉี่ และให้ไป สน. รวมถึงยังอ้างว่า ตัวเองมีปืนในรถอีกด้วย ให้ระวังตัวดีๆ ด้วย เหตุเกิดขึ้นวันนี้ (24 มิ.ย.62) ที่ หน้า ซ.พัฒนาการ 58 แขวง/เขต สวนหลวง กรุงเทพ

https://youtube.com/watch?v=jusaCEhs3-M

ภายหลังจากมีการแชร์คลิปภาพออกไปปรากกว่า ความเห็นของบุคคลส่วนใหญ่มองว่า หากชายคนนี้เป็นตำรวจจริง ก็ควรแสดงบัตรและกระทำการสุภาพกว่านี้ หรือต้องควบคุมสติให้ได้ ไม่ควรใช้อารมณ์รุนแรงแม้จะเป็นฝ่ายสืบสวนก็ตาม

ล่าสุดทาง พ.ต.อ.อภิวัขร์ ไชยศรีสุทธิ์ ผู้กำกับการ สภ.ประเวศ เรียกคู่กรณีทั้งสองฝ่ายมาให้ปากคำพนักงานสอบสวน ที่ห้องประชุมภายใน สน.ประเวศ โดยคนขับรถกระบะ นายขวัญใจ กงกวย ซึ่งเป็นผู้เสียหายเล่าว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา เขาและครอบครัวมีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ได้ขับรถออกจากซอยพัฒนาการ 58 เพื่อไปรับช่างไม้ที่ย่านบางนา เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุได้เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวเพื่อเตรียมจะกลับรถ โดยที่ไม่เห็นรถคู่กรณีว่าขับตรงมาด้วยความเร็วและเบรกกระทันหัน แต่ยอมรับว่าได้ยินเสียงเบรค แต่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นสาเหตุที่ทำให้รถคู่กรณีเบรกกระทันหัน จึงไม่ได้จอดลงไปดูหรือขอโทษ

นายขวัญใจ กงกวย (ขวา) ผู้เสียหาย และลูกชาย

ต่อมาคู่กรณีขับรถปาดหน้า และลงมาต่อว่าด่าทอพร้อมข่มขู่ อ้างตัวเป็นตำรวจสายสืบ สน.ประเวศ ท้าทายให้ไปโรงพักและตรวจหายาเสพติด อีกทั้งคู่กรณีเดินไปที่รถทำลักษณะคล้ายจะหยิบอะไรบางอย่าง ทำให้เขาและครอบครัวรู้สึกกลัวเนื่องจากเกรงว่าจะไปหยิบปืนมาทำร้าย แม้เขาจะขอโทษแล้ว แต่คู่กรณีก็ยังคงต่อว่าด้วยถ้อยคำที่รุนแรง ซึ่งพอได้มาพูดคุยในวันนี้ เขาจึงอยากจะฝากบอกคู่กรณีว่า คราวหลังอยากให้ใจเย็นมากกว่านี้

ด้านคู่กรณี นายพลวัฒน์ กรณ์นันทลักษณ์ เผยว่า ตัวเขาเองประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัวทุกเช้าจะไปส่งของ ก่อนเกิดเหตุขับรถมาทางตรงคู่กับแท็กซี่ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุรถผู้เสียหายและรถยนต์อีกหนึ่งคันจอดเตรียมกลับรถ ซึ่งรถคันหนึ่งหยุดเพราะเห็นรถของเขา ส่วนรถคู่กรณีกลับไม่หยุดรถ และกลับรถทันที ทำให้เขาต้องเบรกกระทันหัน เกือบจะชนฟุตปาธ ด้วยอารมณ์โกรธจึงขับปาดหน้า และลงไปต่อว่าตามคลิป และอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพราะเกรงว่าผู้เสียหายจะมีอาวุธมาทำร้ายเพราะลูกชายผู้เสียหาย ทำท่าหยิบอาวุธในรถเหมือนกัน ซึ่งเขาไม่มีอาวุธใดๆ แค่ต้องการข่มขู่ผู้เสียหายเท่านั้น ทั้งนี้นายพลวัฒน์ยังยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเพราะความอารมณ์ร้อนของตัวเอง เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียน

นายพลวัฒน์ กรณ์นันทลักษณ์ ผู้ต้องหา

ส่วนทางด้านคดี พ.ต.อ.อภิวัชร์ เผยว่า เบื้องต้นได้ค้นในรถของผู้ก่อเหตุ ก็ไม่พบอาวุธปืนตามที่อ้างแต่อย่างใด จึงได้แจ้งข้อหากับนายพลวัฒน์ 4 ข้อหา คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้ได้รับอันตราย, ข่มขู่ว่ามีปืนจนทำให้ผู้อื่นตกใจกลัว, แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน และดูหมิ่นซึ่งหน้าด้วยการด่าทอ และให้ทั้ง 2 ฝ่ายเคลียร์กัน จับมือตกลงเข้าใจกันเป็นที่เรียบร้อย ตำรวจเลยปล่อยให้กลับบ้าน

 

 

 

 

podcast

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า