หนุ่มใหญ่ ชาวหนองบัวลำภู วัย 55 ปี สั่งซื้อของทางเฟซบุ๊ก สูญเงินไม่ได้ของ พอทวงถามยอมจ่ายคืนบางส่วน แต่กลับกลายเป็นเงินที่คนอื่นโอนมาซื้อของเข้าบัญชีตน ถูกฟ้อง กลายเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกง
วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวีระยุทธ อินทรสงเคราะห์ อายุ 55 ปี ชาว จ.หนองบัวลำภู ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู หลังจากที่ได้รับหมายเรียกผู้ต้องหา จาก ร.ต.อ.กิตติธัช ศักดิ์สนิท พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ลงวันที่ 25 มกราคม 2561 ให้ไปพบเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา ในข้อฉ้อโกงระหว่างตัวเองกับนางสาวณิชารีย์ อธิสุขกุล (ผู้กล่าวหาว่าฉ้อโกง)
โดยได้มอบหมายให้ทางทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวนแทน และส่วนตัวเองก็ได้เข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.พุฒิพัฒน์ พนมชัยจิรกุล พนักงานสอบสวนเวร สภ.เมืองหนองบัวลำภู ไว้เป็นหลักฐานว่าไม่ได้มีการฉ้อโกง พร้อมกับเอกสารในการพูดคุยติดต่อกันทางเฟซบุ๊กที่มีการติดต่อซื้อขายสินค้ากัน
นายวีระยุทธ อินทรสงเคราะห์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2560 ตนเองได้สั่งซื้อสินค้าเป็นปั้มลม PUMA มอเตอร์ ขนาด 1.25 แรง ถังลมขนาด 92 ลิตร ในราคา 3,300 บาท โดยสั่งซื้อผ่านทางเฟซบุ๊ก กับผู้ที่ใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า “มีนา วงคล้องเขื่อน” และต่อมาในวันเดียวกัน ผู้แจ้งได้ ทำการโอนเงินค่าสินค้าดังกล่าวผ่านทางธนาคารธนชาตทางมือถือจากบัญชีของผู้แจ้ง เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยซึ่งเป็นชื่อของ ชลธิชา แม่นยำ จำนวน 3,300 บาท
โดยผู้ใช้เฟซบุ๊ก (ผู้ขาย) บอกว่า เป็นชื่อของแม่และบอกว่าของเราส่งของให้จริง ไม่มีประวัติในการโกง พร้อมกับให้ส่งชื่อที่อยู่ไป เพื่อที่จะได้จัดส่งของมาให้ จากนั้นผู้ขายได้แจ้งว่าได้ทำการส่งสินค้ามาแล้วตามที่อยู่ แต่รอแล้วก็ยังไม่ได้รับสินค้า จากนั้นตนได้ติดต่อกลับไปเพื่อขอให้ผู้ขายแจ้งเลขที่ใบเสร็จหรือสำเนาใบเสร็จในการส่งสินค้าให้ดู พร้อมกับบอกว่า หากไม่ได้รับสินค้าภายใน 3 วัน จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากนั้นผู้ขายจึงขอเลขที่บัญชีตนเพื่อโอนเงินคืนให้ และเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2561 ผู้ขายแจ้งว่าจะโอนเงินไปให้ก่อน 1,200 บาท ส่วนที่เหลือจะโอนให้วันพรุ่งนี้เช้า จากนั้นก็มีเงินโอนเข้าบัญชีมาตามจำนวนดังกล่าว
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561 ได้รับหมายเรียกจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พหลโยธิน ให้ไปพบพนักงานสอบสวน ในข้อหาฉ้อโกง ซึ่งตนเองก็งงเหมือนกัน ทั้งที่เงินก็ยังได้กลับคืนมาไม่ครบ จึงได้สำเนาการติดต่อซื้อขายผ่านทางเฟซบุ๊กดังกล่าวมาแจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน ว่าตนเองไม่ได้ฉ้อโกงใคร
โดยคิดว่า การเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ น่าจะเป็นการที่หลอกเอาเงินของตนไปแล้วก็ไปหลอกขายสินค้าให้คนอื่นต่อ แล้วให้โอนเงินสั่งซื้อเข้าบัญชีของตนเองแทน เมื่อผู้สั่งซื้อไม่ได้สินค้าก็เลยมาแจ้งความดำเนินคดีกับตนเอง ทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องเลย
กลายเป็นเครื่องมือของพวกมิจฉาชีพเหล่านี้ หรือหลายคนก็อาจจะเจอเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้ก็มี และอยากให้เป็นอุทาหรณ์ให้กับคนทั่วไปที่สั่งซื้อสินค้าผ่านทางเฟซบุ๊ก อินเทอร์เน็ต ไลน์ ให้ตรวจสอบให้ดี ก่อนที่จะโอนเงินชำระสินค้า หรือควรสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือตรวจสอบได้ จะไม่ได้กลายเป็นผู้ต้องหาฉ้อโกงและยังเสียเงินอีกด้วย