หนุ่มใหญ่ผงะ ตื่นขึ้นเดินเข้าครัว พบ “เพื่อนบ้าน” มาผูกคอดับ

หนุ่มใหญ่แทบช็อก ตื่นเช้าขึ้นมาต้องผงะ เมื่อเจอร่างหนุ่มเพื่อนบ้านเข้ามาผูกคอตายในครัว จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ น้องสาวผู้ตายเผย พี่ชายมีอาการป่วยทางจิตมา 20 ปี

11 พ.ย.61 ร.ต.อ.เฉลิมพล แก้วเนตร รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งมีเหตุคนผูกคอเสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 134 ม.5 บ้านสารภี ต.สะแกซำ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ จึงได้ประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลบุรีรัมย์ และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างจรรยาธรรมสถาน ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุ

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ พบชาวบ้านจำนวนมากยืนมุงดูรอบบ้านที่พบศพ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าตรวจสอบก็พบร่างนายเอ (นามสมมติ) อายุ 41 ปี ใช้เชือกไนล่อนสีแดงผูกคอตัวเองกับขื่อห้องครัว บริเวณด้านหลังบ้านจนเสียชีวิต

จากการตรวจสอบสภาพศพเบื้องต้น ไม่พบร่องรอยบาดแผลจากการต่อสู้หรือถูกทำร้ายแต่อย่างใด  จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจด้วยการผูกคอตาย

ส่วนบ้านที่นายเอเข้าไปผูกคอเสียชีวิต ไม่ใช่บ้านของตัวเอง แต่เป็นบ้านของนายเสนาะ ชัยชุม อายุ 48 ปี  คนในหมู่บ้านเดียวกัน โดยนายเสนาะ เจ้าของบ้านบอกว่า เมื่อคืนเวลาประมาณ 21.00 น. ตนและภรรยากลับจากไปร่วมงานสมโภชน์ทอดกฐินที่วัดศาลาลอย  ก็เข้าบ้านนอนตามปกติ

กระทั่งรุ่งเช้าตื่นมาเดินไปหาเสื้อผ้าที่ตากไว้ในครัว  ก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อเจอร่างนายเอ มาผูกคอตายอยู่ในครัวของตัวเอง โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงได้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ

แต่ตนไม่ทราบสาเหตุว่าทำไมนายเอถึงได้คิดสั้นมาผูกคอตายในบ้านของตนเอง รู้เพียงว่านายเอเป็นผู้ป่วยจิตเวชจะชอบเดินไปมาเป็นประจำ หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวตนก็จะได้นิมนต์พระมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ที่บ้าน เพราะไม่คาดคิดว่าอยู่ๆ จะมีคนอื่นมาผูกคอตายในบ้าน

ด้านนางอาภรณ์ แย้มงาม น้องสาวผู้ตายบอกว่า พี่ชายเป็นผู้ป่วยจิตเวชมาประมาณ 20 ปีแล้ว ปกติจะไปรับยาที่โรงพยาบาลมากินเป็นประจำ แต่ระยะหลังพี่ชายไม่ยอมกินยาจึงมีอาการทางจิตกำเริบขึ้นอีก โดยจะชอบเดินไปเรื่อยบางครั้งเดินไปไกลถึง อ.ประโคนชัย จนมีญาติไปเจอจึงนำมาส่งที่บ้าน ส่วนที่พี่ชายเข้าไปผูกคอตายในบ้านของเพื่อนบ้าน ก็คาดว่าน่าจะมาจากอาการจิตหลอนกำเริบ ซึ่งทางญาติก็ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตายแต่อย่างใด

หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบสภาพศพเรียบร้อยแล้ว ทางญาติก็ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตาย จึงได้มอบศพผู้เสียชีวิตให้ญาตินำกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป