หมอต้นไม้เร่งยื้อชีวิตต้นยางนาเชียงใหม่ เสี่ยงยืนต้นตาย หลังถูกตัดยอด

หมอต้นไม้เร่งยื้อชีวิตต้นยางนา หวังอัดน้ำ ปุ๋ย และยาเต็มที่ หลังถูกตัดยอด พร้อมจับมือแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ฟื้นชีวิตต้นยางนากว่าร้อยปีจำนวนกว่า 20 ต้น รอบสี่แยกกองทราย

จากกรณีที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์การที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ (อบจ.เชียงใหม่) ตัดต้นยางนาบริเวณสี่แยกกองทราย จุดตัดถนนเชียงใหม่-ลำพูน(สายเก่า) กับถนนวงแหวนรอบนอกเชียงใหม่ ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีอายุกว่าร้อยปี จำนวน 2 ต้น จนเหลือแต่ตอสูงประมาณ 4 เมตร

โดยต่างแสดงรู้สึกเสียดายและความคิดเห็นตำหนิและท้วงติงการตัดดังกล่าว เพราะแม้จะมีการระบุว่ามีผู้ร้องเรียนว่ากลัวกิ่งต้นยางนาหักหล่นลงมาก่อให้เกิดอันตราย อย่างไรก็ตามเชื่อว่าที่จริงแล้วน่าจะมีวิธีการบริหารจัดการดูแลที่ดีกว่านี้ เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากกิ่งหักหล่นลงมาทำให้เกิดความเสียหาย

วันที่ 5 มี.ค. 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวแทนจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่,แขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 และทีมหมอต้นไม้อาสา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ พร้อมด้วยเครือข่ายเขียวสวยหอม และอาสาสมัครพิทักษ์ต้นยางนา ลงพื้นที่บริเวณสี่แยกกองทรายเพื่อตรวจสอบสภาพของต้นยางนาทั้ง 2 ต้น ที่ถูกตัดอีกครั้ง

พบว่าต้นยางนาทั้ง 2 ต้น ถูกตัดอยู่ในสภาพเหลือแต่ตอสูงประมาณ 4-5 เมตร ต้นยางนาที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันออก หรือต้นหมายเลข 656 นั้น ตายแล้ว แต่ต้นยางนาที่อยู่ทางฝั่งทิศตะวันตก หรือต้นหมายเลข 671 ยังไม่ตายและมีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นฟูสภาพ  ตอนนี้ต้องอัดทั้งน้ำ ปุ๋ย และยาอย่างเต็มที่พร้อมเร่งเปิดผิวดินรอบโคนต้นเพื่อกู้ชีวิต หวังที่จะให้ต้นยางนาได้แตกยอดใบอ่อนออกมาให้ได้จะเป็นสัญญาณชีพที่ยืนยันว่าต้นยางนายังมีชีวิต

อาจารย์บรรจง สมบูรณ์ชัย หัวหน้าทีมหมอต้นไม้อาสา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า จากการที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพต้นยางนาทั้ง 2 ต้นที่ถูกตัด และต้นอื่นๆ ที่อยู่บริเวณสี่แยกกองทรายอีกประมาณ 20 ต้น เบื้องต้นได้ข้อสรุปร่วมกันว่าในส่วนของต้นยางนาที่ถูกตัดนั้น ต้นที่ยังไม่ตายและยังมีโอกาสรอด การสนับสนุนของทุกฝ่ายจะฟื้นฟูสภาพเพื่อให้รอดและยืนต้นอยู่ต่อไปได้ 

ทางแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 จะเปิดพื้นผิวทางบริเวณรอบโคนต้น เพื่อเปิดหน้าดินให้สามารถทำการฟื้นฟูระบบราก จากนั้นเมื่อดำเนินการเสร็จจะปิดพื้นผิวทางอีกครั้งจะใช้วัสดุเป็นคอนกรีตพรุนแทนวัสดุเดิม เพื่อให้อากาศและน้ำยังคงถ่ายเทบริเวณโคนต้นได้ เป็นผลดีทำให้ระบบรากของต้นยางนาสามารถหาอาหารได้ โดยคอนกรีตพรุนดังกล่าวนั้น มีต้นทุนสูงกว่าวัสดุปกติประมาณ 1.5-2 เท่าตัว แต่มีความทนทานและสามารถรองรับน้ำหนักของรถราที่วิ่งได้เหมือนเดิม 

หัวหน้าทีมหมอต้นไม้อาสา มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวต่อว่า นอกจากต้นยางนาที่ถูกตัดและต้องฟื้นฟูระบบรากเพื่อให้ยืนต้นอยู่ต่อไปได้แล้ว จากการสำรวจร่วมกันพบว่าบริเวณสี่แยกกองทราย ซึ่งเป็นเขตรับผิดชอบของแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 ยังมีต้นยางนาอีกประมาณ 20 ต้น ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะยืนต้นตาย เนื่องจากบริเวณโคนต้นถูกปิดทับด้วยวัสดุพื้นผิวทาง และถูกน้ำหนักของรถราที่ผ่านไปมากดทับอยู่ตลอด จนดินที่อยู่ข้างใต้อัดแน่นและระบบรากไม่สามารถหาอาหารไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของต้นได้ 

จากการหารือร่วมกันกับทางแขวงทางหลวงเชียงใหม่ที่ 2 มีข้อสรุปว่า  พร้อมที่จะเปิดพื้นผิวทางบริเวณรอบโคนต้นของต้นยางนาทั้งประมาณ 20 ต้น ในรัศมีพอสมควร แล้วใช้คอนกรีตพรุนเทปิดเป็นผิวทางแทนวัสดุเดิม แต่ในส่วนที่สามารถเปิดพื้นผิวให้เป็นแต่หน้าดินก็จะเปิดไว้ เพื่อประโยชน์สำหรับต้นยางนาในการหาอาหารและการดูแลบำรุงรักษา 

อย่างไรก็ตามจะคำนึงถึงความปลอดภัยและประโยชน์ของประชาชนในการใช้เส้นทางด้วย ซึ่งการดำเนินการนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีในการอนุรักษ์ต้นยางนาบนถนนเชียงใหม่-ลำพูน และหากได้ผลเป็นที่น่าพอใจน่าจะมีการผลักดันขยายผลดำเนินการตลอดเส้นทางถนนนี้ต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : อบจ.เชียงใหม่ ยืนยันจำเป็นต้องตัดต้นยางนา เหตุลำต้นผุ-เสี่ยงหักโค่น